สุรินทร์ - รมว.พลังงานลงพื้นที่พบผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) โรงไฟฟ้าชีวมวล สุรินทร์ ดันเร่งแก้ปัญหาราคารับซื้อไฟฟ้าเหลื่อมล้ำต่ำกว่า VSPP ถึง 2 บาทต่อหน่วย เผยผู้ประกอบการเดือดร้อนหนักหลายรายใกล้ล้มละลาย กระทรวงพลังงานรับปากนำเสนอ ครม.สัญจรบุรีรัมย์ช่วยแก้ไขปัญหา
วันนี้ (7 พ.ค.) นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงพื้นที่เยี่ยมพบปะผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชีวมวลจังหวัดสุรินทร์ ในโอกาสที่เดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 3/2561 ระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2561 ณ จ.บุรีรัมย์ โดยเข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้ามุ่งเจริญ จ.สุรินทร์ ต.ราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ หนึ่งในโรงไฟฟ้าชีวมวล ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก ( SPP) ที่ได้รับความเดือดร้อนสะสมยาวนานจากนโยบายการกำหนดราคารับซื้อไฟฟ้าที่เหลื่อมล้ำ เนื่องจากนโยบายรัฐที่กำหนดราคารับซื้อไฟฟ้าชีวมวลของ SPP ที่ต่ำกว่าผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ถึงเกือบ 2 บาทต่อหน่วย และยังต้องมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะถูกค่าปรับ กรณีผลิตไฟฟ้าไม่ได้ตามสัญญาในรูปแบบ Firm
โดยมี นายธงชัย มุ่งเจริญพร ที่ปรึกษาในเครือมุ่งเจริญกรุ๊ป จ.สุรินทร์ ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ชีวมวลแบบ Firm และคณะกรรมการบริหารเครือมุ่งเจริญ กรุ๊ป จำกัด กล่าวบรรยายสรุปการดำเนินงาน พร้อมนำเยี่ยมชมกระบวนการผลิตของโรงไฟฟ้า
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 ชมรมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ชีวมวลได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หลังมีข่าวเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหาที่กระทรวงพลังงานอาจใช้วิธีการช่วยซื้อไฟฟ้าในปริมาณเพิ่มขึ้นแทนการปรับราคาตามมติ กบง. โดยการซื้อไฟฟ้าในปริมาณเพิ่มขึ้นนั้นจะยิ่งสร้างความเดือดร้อนให้ SPP ชีวมวลที่มีสัญญาขายไฟแบบ Firm เป็นเท่าทวีคูณ เพราะต้องหาซื้อเชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่มมากขึ้นโดยที่ไม่มีกำลังซื้อเพียงพอที่จะแข่งขันกับ VSPP ได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องการให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเร่งช่วยเหลือผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก SPP ชีวมวล ซึ่งมีหลายรายที่เดือดร้อนใกล้ล้มละลาย รวมถึงส่งผลกระทบไปถึงพนักงาน ชาวไร่ ชาวนา และซัปพลายเชนทั้งหลาย
โรงไฟฟ้าชีวมวลมุ่งเจริญพรไบโอเมส จำกัด เป็นโรงไฟฟ้ารุ่นแรกที่บุกเบิกการผลิตไฟฟ้าด้วยการซื้อเชื้อเพลิงจากของเหลือทางการเกษตร มีกำลังการผลิตรวม 26.9 เมกะวัตต์ ใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงหลักและใช้เศษไม้ เปลือกไม้บางส่วน เมื่อปี พ.ศ. 2535 ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้า โดยใช้เชื้อเพลิงจากกากหรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร (ชีวมวล) ซึ่งโรงไฟฟ้ามุ่งเจริญได้เข้าร่วมในการผลิตไฟฟ้าตามโครงการของรัฐ โดยมีการรับซื้อแกลบถึงปีละ 185,000 ตันจากชาวนา ช่วยสร้างรายได้ให้ชาวนากว่า 320 ล้านบาทต่อปี
แต่หลังจากเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2559 ภาครัฐได้อนุมัติกำหนดราคารับซื้อไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า VSPP ชีวมวลในราคารับซื้อที่ 4.54 บาทต่อหน่วย ในขณะที่โรงไฟฟ้า SPP ชีวมวลยังคงราคาเดิมที่ 2.65 บาทต่อหน่วย ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านราคารับซื้อไฟที่ต่างกันมากถึงเกือบ 2 บาทต่อหน่วย และ SPP ชีวมวลยังมีความเสี่ยงเรื่องจะโดนค่าปรับตามสัญญาแบบ Firm แต่โรงไฟฟ้า VSPP เป็นแบบ Non Firm จึงไม่ได้รับผลกระทบค่าปรับแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาจากการแย่งซื้อเชื้อเพลิงเนื่องจากราคารับซื้อไฟของ VSPP สูงขึ้น ราคาจูงใจขึ้น ส่งผลให้โรงไฟฟ้า VSPP หันมาผลิตไฟฟ้ามากขึ้น จึงเป็นข้อได้เปรียบในการซื้อเชื้อเพลิง เกิดการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมกัน
นายธงชัย มุ่งเจริญพร ที่ปรึกษาในเครือมุ่งเจริญกรุ๊ป จ.สุรินทร์ กล่าวว่า การเข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้ามุ่งเจริญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในครั้งนี้นับเป็นความสำคัญที่จะได้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น และอยากให้ท่านเร่งช่วยเหลือผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก SPP ชีวมวล ซึ่งมีอีกหลายรายที่เดือดร้อนใกล้ล้มละลาย รวมถึงส่งผลกระทบไปถึงพนักงาน ชาวไร่ชาวนาและซัปพลายเชนทั้งหลาย เพราะเราเป็นโรงไฟฟ้ารุ่นแรกที่บุกเบิกการผลิตไฟฟ้าด้วยการซื้อเชื้อเพลิงจากของเหลือทางการเกษตร ไม่มีเชื้อเพลิงเป็นของตัวเอง ไม่เคยได้รับทั้งเงินสนับสนุน Adder และ FiT
ดังนั้น จึงอยากขอความเห็นใจภาครัฐช่วยพิจารณาแก้ไขปัญหาราคารับซื้อไฟ ซึ่งหากได้รับการปรับราคาให้ตามที่เสนอแล้วไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่าไฟของประเทศและประชาชนแต่อย่างใด โดยทางกระทรวงพลังงานได้รับข้อเสนอจากชมรมผู้ผลิตไฟฟ้าชีวมวลรายเล็ก และจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีช่วยผลักดันในการแก้ไขปัญหาต่อไป