บุรีรัมย์ - ครอบครัวหนุ่มแรงงานชาว จ.บุรีรัมย์ สังเวยเหตุไฟไหม้โรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้าที่ไต้หวัน ส่งญาติร่วมฌาปนกิจศพที่ไต้หวัน เพราะไม่มีเงินนำศพกลับมา รอเพียงเถ้ากระดูกมาทำบุญที่บ้านเกิดเท่านั้น เผยสามีตัดสินใจไปทำงานต่างประเทศเพราะหวังครอบครัวมีฐานะมั่นคง มีเงินส่งเสียลูกเรียน
วันนี้ (1 พ.ค. 61) ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านยังคงเดินทางมาถามข่าวและให้กำลังใจ น.ส.จันทา หวังอยู่ ภรรยาของนายเชิดศักดิ์ บุรัมสูงเนิน หนุ่มแรงงานชาว ต.ชุมแสง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้าที่ประเทศไต้หวัน ขณะที่ น.ส.จันทา ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ ล่าสุดครอบครัวได้ทำเรื่องมอบอำนาจให้บริษัทที่จัดส่งนายเชิดศักดิ์ไปทำงาน ดำเนินการเรื่องฌาปนกิจศพนายเชิดศักดิ์แทน และจะส่งญาติไปร่วมงานศพที่ประเทศไต้หวัน เนื่องจากครอบครัวไม่มีค่าใช้จ่ายจะนำศพกลับมาทำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจที่บ้านเกิดได้ รอเพียงเถ้ากระดูกมาทำบุญที่บ้านเกิดตามประเพณีเท่านั้น
น.ส.จันทา หวังอยู่ บอกว่าสาเหตุที่สามีตัดสินใจไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน มีอาชีพทำนาเป็นหลัก หลังเสร็จจากทำนาจะไปรับจ้างก่อสร้าง ได้ค่าแรงเพียงวันละ 300 บาท แต่บางวันไม่มีงาน ทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ครอบครัวมีลูกถึง 4 คน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่สามีไปทำงานไต้หวัน โดยจะไปผ่านกรมการจัดหางานอย่างถูกต้อง แต่ละเดือนสามีจะส่งเงินกลับมาเดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000-20,000 บาท ที่ผ่านมามีเงินซื้อรถไถ และส่งเสียลูกๆ เรียนได้ แต่ไม่คาดคิดว่าสามีจะต้องมาจบชีวิตจากเหตุไฟไหม้ดังกล่าว ทำให้ตนเองต้องเลี้ยงดูลูกทั้ง 4 ตามลำพัง ต้องแบกรับภาระหนี้สินอีกกว่า 2 แสนบาทด้วย จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานภาครัฐช่วยเหลือหางานให้ตนเองและครอบครัวได้ทำใกล้บ้าน พอมีรายได้เลี้ยงครอบครัวด้วย
ส่วนการให้ความช่วยเหลือกรณีเสียชีวิต เนื่องจากนายเชิดศักดิ์เป็นสมาชิกกองทุนช่วยเหลือผู้ที่ไปทำงานในต่างประเทศ ก็จะได้รับเงินชดเชย 40,000 บาท และค่าทำศพจ่ายตามจริงแต่ไม่เกิน 40,000 บาท ทั้งจะได้เงินเยียวยาจากทางบริษัทอีกจำนวนหนึ่ง และได้เป็นรายเดือนอีกเดือนละ 3,300 บาท ตลอดชีวิตด้วย