อ่างทอง - กระแสโซเชียลเมืองอ่างทอง โพสต์ข้อความน่าสลดใจคุณตาวัย 78 ปีถูกทิ้ง ลูกไม่ยอมมารับแถมบล็อกเบอร์โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ หนุ่มวัย 28 ปี เกิดสงสารโพสต์เฟซบุ๊กขึ้นสู่โลกสังคมออนไลน์เผื่อลูกเห็นจะได้มารับตัวกลับบ้าน ล่าสุดผู้สื่อข่าวพาส่งกลับภูมิลำเนาแล้ว
วันนี้ (20 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของเฟซบุ๊กชื่อ Arm Arm ได้โพสต์ข้อความ เปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับคุณตาคนหนึ่ง ที่เดินทางมาบวชพราหมณ์ ที่วัดต้นสน ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งการบวชพราหมณ์มีกำหนดระยะเวลา 7 วัน แต่กลับปรากฏว่าเวลาผ่านไปกว่า 1 เดือนแล้ว ลูกสาวและลูกเขยยังไม่เดินทางมารับกลับบ้าน แถมคุณตาโทรศัพท์กลับไปก็ไม่สามารถติดต่อได้ คาดว่าถูกบล็อกเบอร์โทรศัพท์
โดยเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวโพสต์ข้อความว่า รบกวนอ่านหน่อยนะครับ...ตาคนนี้โดนลูกมาปล่อยให้บวชพราหมณ์ นอนอยู่ข้างผมทุกคืนแกโทรหาลูกแกไม่ติดแต่เบอร์คนอื่นโทร.ไปติด คือลูกสาวแกบล็อกเบอร์ไว้หรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบ แต่เบอร์คนอื่นโทร.ไปติดครับ...เขาติดต่อญาติไม่ได้ยังไงขอให้ทุกคนแชร์คนละ 1 แชร์ ให้ญาติพี่น้องหรือคนรู้จักเขาได้เห็นและรับด้วยนะครับ...ว่าทำไมถึงทำกับพ่อแบบนี้...บ้านแกอยู่ปทุมครับ...ฝากด้วยครับช่วยกันแชร์ขอคนละ 1 แชร์
อีกข้อความเขียนว่า พูดลำบาก... เอาเป็นว่าชีวิตจริงยิ่งกว่าละครที่จะเล่น 30 ตอนแล้วก็จบบริบูรณ์ ใครรู้จักตาช่วยกรุณาทักมาหรือบอกญาติให้หน่อยครับรบกวนอ่านหน่อยนะครับ...ตาคนนี้โดนลูกมาปล่อยให้บวชพราหมณ์
ส่วนอีกข้อความหนึ่งโพสต์ว่านั่งกดโทรศัพท์โทร.หาแต่ลูกสาว..ลูกสาวก็เกินไปครับบล็อกเบอร์พ่อ...เอาเบอร์อื่นโทร.ไปติดแต่ไม่รับเหมือนจะรู้ ไม่ได้เหมือนหรอกคือเมิงรู้เลยแหละ...บอกตรง ๆ
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบ นายบุญเชิด บัวลอย อายุ 78 ปี ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองมีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยก่อนหน้านี้ได้เช่าที่เจ้าของที่อยู่ โดยได้ปลูกบ้านไว้จำนวน 3 หลัง ต่อมาลูกสาวให้เจ้าของที่มารื้อบ้านไปเนื่องจากไม่ได้เช่าต่อ ซึ่งปัจจุบันตนเองไม่มีบ้านอยู่ได้แต่อาศัยบ้านเพื่อนฝูงอยู่
โดยก่อนหน้านี้ได้ให้ลูกสาวและลูกเขยมาส่ง เพื่อที่จะบวชพราหมณ์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แม่ที่ทางวัดต้นสนจัดขึ้นเป็นเวลา 7 วัน เมื่อลูกสาวและลูกเขยมาส่งก็ได้กลับไป หลังจากสึกจากพราหมณ์แล้ว ทางลูกสาวและลูกเขยก็ยังไม่ได้มารับกลับบ้าน เมื่อโทรศัพท์กลับไปก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ไหว้วานให้ นายกอบเกียรติ ที่บวชพราหมณ์อยู่ด้วยกันใช้โทรศัพท์โทร.ไปหาลูกสาวติดแต่ไม่มีผู้รับสาย ตนเองอยากจะกลับบ้านไปหาลูกสาวและหลานมากเพราะว่าคิดถึง แต่ก็ไม่สามารถกลับไปได้เนื่องจากลูกสาวและลูกเขยยังไม่มารับ จึงต้องรอคอยมากกว่า 1 เดือนแล้ว
ด้าน นายกอบเกียรติ เผือกประพันธ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/4 หมู่ที่ 6 ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ตนเองได้มาบวชพราหมณ์ เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 61 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการเสริมดวง ซึ่งโดยปกติตนเองจะมาบวชที่วัดต้นสนแห่งนี้ทุกปี และได้พบคุณตาบุญเชิดที่บวชพราหมณ์อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จนสนิทสนมพูดจาถูกคอกันเหมือนเป็นเพื่อนต่างวัย
เมื่อสอบถามคุณตาบุญเชิด ได้บอกว่ามาบวชพราหมณ์เพียง 7 วัน แต่เวลาล่วงเลยไปกว่า 1 เดือนแล้ว ลูกสาวและลูกเขยยังไม่ยอมมารับเสียที ซึ่งตนเองได้เอาโทรศัพท์ของตนเองติดต่อไปแต่ก็ไม่มีผู้ใดรับสาย ตนเองรู้สึกสงสารคุณตาบุญเชิดมาก อยากจะช่วยเหลือคุณตาบุญเชิด
จึงได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของตนเอง ที่ใช้ชื่อว่า Arm Arm ให้เพื่อนที่อยู่ในโลกสังคมออนไลน์และลูกสาวลูกเขย ที่อาจได้เห็นข้อความก็จะเดินทางมารับคุณตาบุญเชิด กลับบ้านไปอยู่ในครอบครัวอย่างมีความสุข
แต่ที่ตนเองแปลกใจที่สุด คือเวลาคุณตาเอาโทรศัพท์ของคุณตาโทร.ไปหาลูกสาว ทำไมถึงไม่สามารถติดต่อได้ หรืออาจจะถูกลูกสาวบล็อกเบอร์โทรศัพท์เอาไว้
ส่วนทางด้าน พระเพลิน สวนมะลิ (โชติธัมโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดต้นสน กล่าวว่า เบื้องต้นทางวัดยังไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับลุงบุญเชิด ที่ลูกสาวและลูกเขยนำมาส่งเพื่อบวชพราหมณ์ ที่ทางวัดจัดขึ้น แต่หากลูกสาวและลูกเขยยังไม่มารับโยมบุญเชิดกลับบ้าน ทางวัดก็ยินดีที่จะให้โยมบุญเชิดอาศัยอยู่ต่อไป
ทั้งนี้ เพราะโดยปกติแล้วทางวัดได้จัดให้มีที่พักสำหรับผู้ที่มาบวชพราหมณ์และผู้ที่มาปฏิบัติธรรม ที่วัดต้นสนแห่งนี้อยู่แล้ว ซึ่งมีอาหารการกินและที่อยู่หลับนอนตลอดจนห้องน้ำอย่างสะดวกสบาย ซึ่งอยากจะบอกเตือนลูกๆ ทั้งหลายที่มีทั้งพ่อและแม่ให้คอยดูแลเอาใจใส่บิดามารดาให้ดี
หากเป็นความประสงค์ของบุพการีที่ต้องการเดินทางมาปฏิบัติธรรมเพื่อที่จะหาความสุขความสงบในวัด หลังจากมาส่งแล้วก็ควรที่จะมาดูแล อย่าปล่อยให้คนในวัยสูงอายุต้องเงียบเหงาเพราะลูกหลานไม่มาสนใจ แถมปล่อยทิ้งไว้อย่างเดียวดายไม่ยอมมารับกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เบื้องต้นมีผู้สื่อข่าวจากส่วนกลางสำนักหนึ่ง ได้มารับตัวคุณตาขึ้นรถยนต์ไปส่งที่สถานีขนส่งหมอชิต พร้อมกับได้ส่งคุณตา ขึ้นรถตู้ที่สถานีขนส่งหมอชิตเพื่อเดินทางต่อกลับภูมิลำเนาบ้านเกิดต่อไปแล้ว