xs
xsm
sm
md
lg

คนเชียงใหม่วอน “ประยุทธ์” รื้อทิ้งบ้านพักศาลเชิงดอย-ใช้แนวเขตป่าดั้งเดิมคืนพื้นที่ให้อุทยานฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - คณะกรรมการร่วมราชการและประชาชนกรณีปัญหาโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ป่าเชิงดอยสุเทพ ยังลงพื้นที่โครงการก่อสร้างเพื่อสำรวจแนวเขตรื้อถอนไม่ได้เป็นครั้งที่ 2 หลังศาลไม่อนุญาต เตรียมขออีกครั้งเข้าพื้นที่ 20 เม.ย. 61 หากถูกปฏิเสธเตรียมสรุปจากข้อมูลที่มี ภาคประชาชนย้ำจุดยืนขอคืนพื้นที่ป่า ยันใช้แนวเขตป่าดั้งเดิมรื้อบ้านพักทั้ง 45 หลัง และและอาคารแฟลตที่พัก 9 หลัง จากทั้งหมด 13 หลัง วอนนายกรัฐมนตรีเร่งตัดสินใจปกป้องผืนป่า ขณะที่ตัวแทนอุทยานฯ และป่าไม้ ชี้ต้องฟื้นฟูสภาพพื้นที่โดยด่วนไม่ว่าจะรื้อหรือไม้รื้อบ้านพักก็ตาม



ความคืบหน้าการเคลื่อนไหวของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ที่เรียกร้องให้มีการยุติและยกเลิกโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 บนพื้นที่ป่าเชิงดอยสุเทพ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ (18 เม.ย.) คณะกรรมการร่วม ประกอบด้วย หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชน ประกอบด้วย ตัวแทนจากจังหวัดเชียงใหม่, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่, สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่, ชลประทานเชียงใหม่, ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย, ป่าไม้ และเครือข่ายของคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันตามข้อสั่งการของพลโทวิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 จากการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อร่วมกันหาทางออกกรณีโครงการดังกล่าว ร่วมประชุมหารือกันที่ที่ห้องประชุมโครงการชลประทานเชียงใหม่

โดยการประชุมครั้งนี้เดิมที่กำหนดที่จะเข้าพื้นที่โครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ด้วย เพื่อสำรวจสภาพจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวเขตป่าเพื่อกำหนดแนวเขตที่เหมาะสม ในกรณีที่จะต้องดำเนินการรื้อถอนบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในส่วนที่ยื่นล้ำขึ้นไปบนดอยสุเทพ ซึ่งเบื้องต้นมีการกำหนดแนวเขตเพื่อเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาตัดสินใจไว้ 3 แนว ได้แก่ 1. รื้อบ้านพักทั้งหมด และอาคารแฟลตที่พัก 9 หลัง จากทั้งหมด 13 หลัง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องของเครือข่าย โดยยึดแนวเขตป่าดั้งเดิม 2. รื้อบ้านพักทั้งหมด และอาคารแฟลตที่พัก 6 หลัง และ 3. รื้อบ้านพักทั้งหมด พร้อมคงอาคารแฟลตที่พักไว้ทั้งหมด 13 หลัง


อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการร่วมดังกล่าวที่ลงพื้นที่ในครั้งนี้ ไม่ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่จริงในโครงการแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่ได้รับการอนุญาต แม้ว่าจะมีการติดต่อประสานงานไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากที่เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 61 ทางคณะกรรมการร่วมฯ ได้ลงพื้นที่สำรวจและพยายามขออนุญาตเข้าพื้นที่โครงการมาแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้นั้นเบื้องต้นทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฟื้นฟูสภาพพื้นที่ดังกล่าว ไม่ว่าจะมีการรื้อถอนบ้านพักหรือไม่ก็ตาม เพราะไม่ใช่เพียงต้นไม้ที่ถูกตัดออกไปเท่านั้น แต่หน้าดินบริเวณดังกล่าวถูกถากออกไปหมดแล้ว

โดยตัวแทนจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 และป่าไม้ ระบุว่า การฟื้นฟูต้องเร่งทำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เริ่มจากปลูกพืชคลุมดิน ควบคู่ไปกับการปลูกต้นไม้ใหญ่ซึ่งจะต้องเป็นไม้พื้นถิ่นดอยสุเทพและมีความเหมาะสมกับป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ โดยเสนอให้มีการปลูกต้น “คำมอกหลวง” ที่เป็นต้นไม้ประจำถิ่นดอยสุเทพ และมีดอกสวยงามเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูป่าในครั้งนี้ด้วย

ขณะที่ตัวแทนภาคประชาชนยืนยันว่า การก่อสร้างบ้านพักในพื้นที่ดังกล่าวไม่เหมาะสมอย่างยิ่งและต้องการขอพื้นที่ป่ากลับคืนมา ทั้งนี้ เสนอแนวทางว่าให้มีการดำเนินการคืนพื้นที่ดังกล่าวและประกาศให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โดยที่ยึดแนวเขตพื้นที่ราบต่อเนื่องมาจากพื้นที่ห้วยตึงเฒ่า ซึ่งในระหว่างดำเนินการดังกล่าวนี้ให้งดการทำกิจกรรมทุกอย่างของมนุษย์ในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยผู้มีความรู้พิจารณาแนวทางการดำเนินการรื้อถอน

ส่วนการขออนุญาตเข้าพื้นที่โครงการก่อสร้างนั้น ทางว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ เรืองภัทรกุล ธนารักษ์พื้นที่เชียงใหม่ ประธานในการประชุมครั้งนี้ รับที่จะดำเนินการทำหนังสือขออนุญาตเพื่อขอเข้าพื้นที่โครงการในวันที่ 20 เม.ย. 61 และจัดทำข้อสรุปเกี่ยวกับแนวเขตรื้อถอนให้ได้ภายในวันเดียวกัน เพื่อนำเสนอให้แม่ทัพภาคที่ 3 จากเดิมที่กำหนดจะสรุปให้ได้ภายในวันที่ 19 เม.ย. 61

นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ หนึ่งในคณะกรรมการร่วมฯ เปิดเผยหลังการประชุมว่า วันนี้ทางคณะกรรมการร่วมฯ ยังไม่สามารถเข้าไปลงพื้นที่โครงการก่อสร้างบ้านพักดังกล่าวได้เพื่อสำรวจและรวบรวมข้อมูลนำมาประกอบการพิจารณาได้เนื่องจากศาลยังไม่อนุญาตเป็นครั้งที่ 2 แล้ว อย่างไรก็ตาม ทางธนารักษ์จะทำหนังสือขออนุญาตอีกครั้งเพื่อขอเข้าพื้นที่โครงการในวันที่ 20 เม.ย. 61 โดยหากยังไม่ได้รับการอนุญาตอีกครั้งคาดว่าน่าคณะกรรมการร่วมฯ จะต้องทำการประชุมสรุปกันให้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าพื้นที่แล้ว เพราะเบื้องต้นมีข้อมูลประกอบการพิจารณาอยู่แล้วพอสมควร ทั้งจากการสำรวจภาคพื้นและทางอากาศ

ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพย้ำจุดยืนว่า ภาคประชาชนต้องการให้คืนพื้นที่ป่าโดยยึดแนวเขตป่าดั้งเดิมที่ลากผ่านจากห้วยตึงเฒ่าต่อเนื่องมาถึงพื้นที่โครงการก่อสร้างบ้านพัก ซึ่งจะต้องรื้อบ้านพักทั้ง 45 หลัง และอาคารแฟลตที่พัก 9 หลัง จากทั้งหมด 13 หลัง ทั้งนี้หากเป็นไปได้อยากให้มีการมอบพื้นที่นี้ให้อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โดยในวันที่ 20 เม.ย. 61 นี้จะต้องพูดคุยกันให้ได้ข้อสรุปอย่างแน่นอนเพื่อนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาตัดสินใจ อยากเรียกร้องวิงวอนนายกรัฐมนตรี ให้ตัดสินใจเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและสร้างความเสียหายมากไปกว่านี้ โดยเชื่อว่าหากนายกรัฐมนตรีได้มาเห็นสภาพพื้นที่จริงที่เป็นป่าจะต้องรู้สึกอยากปกป้องป่าเอาไว้อย่างแน่นอน



กำลังโหลดความคิดเห็น