ตราด - ที่ปรึกษาสมาคมประมงจังหวัดตราด เผยภาครัฐใช้กฎหมายหยุมหยิม ส่งผลกระทบหนักชาวประมง ทำเรือประมงอวนล้อมนับ 100 ลำ แสดงท่าทีหยุดทำประมงหากไม่ได้รับการแก้ไข ชี้ ไต๋เรือถูกจับ ลูกเรือทั้งลำต้องผิดด้วย
วันนี้ ( 4 เม.ย. ) นายสุรพงษ์ อินทรประเสริฐ ที่ปรึกษาสมาคมประมงจังหวัดตราด และสมาคมประมงร่วมใจอำเภอคลองใหญ่ จ.ตราด ได้ออกมาเปิดเผยกับผูสื่อข่าวว่าถึงกรณีที่มีผู้ประกอบการประมงอวนล้อมจับ และประมงพื้นบ้าน ได้หารือกับกลุ่มชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดของรัฐบาล ที่กำหนดให้ชาวประมงปฏิบัติเพื่อให้สอดรับกับมาตรการของ EU ที่ต้องการให้การทำธุรกิจประมงของประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมาย และไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยคณะเจ้าหน้าที่ตรวจการ EU จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อตรวจสอบมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทย ดำเนินการแก้ไขตามข้อเรียกร้องของทาง EU ในระหว่างวันที่ 4-11 เมษายนนี้ว่า รัฐบาลได้กำชับและเน้นย้ำให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ควบคุมให้ธุรกิจประมงในพื้นที่ต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และส่งผลกระทบกับการยกเลิกมาตรการกดดันของทาง EU
ทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ จ.ตราด ตั้งแต่ สำนักงานเจ้าท่าตราด, สำนักงานประมง จ.ตราด ,สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดตราด รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามพากันเข้มงวดกับชาวประมงและผู้ประกอบการประมงมากจนส่งผลให้เรือประมงอวนล้อม และเรือประมงพาณิชย์ ไม่สามารถออกทำประมงได้ เนื่องจากเกรงว่าจะผิดกฎหมาย
"มาตรการที่ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการประมงในขณะนี้ก็คือ การที่ไต๋เรือจะต้องดำเนินการจดและบันทึกการทำงานของแรงงานบนเรือว่าทำงานอย่างไร มีเวลาพักช่วงไหน รวมทั้งไต๋เรือต้องทำงานครั้งละ 6 ชั่วโมง แต่ปรากฏว่า เมื่อมีการตรวจสอบ GPS กลับพบว่าเรือประมงยังคงทำงานตลอด 24 ชม. ทำให้ไต๋ที่มีอยู่บนเรือเพียงคนเดียวถูกคาดการณ์ว่าไม่ได้พัก ซึ่งทำผิดระเบียบ จึงถูกจับดำเนินคดี ทั้งนี้ โดยข้อเท็จจริง ไต๋เรือไม่สามารถทำงานเกิน 24 ชม.ได้อยู่แล้ว แต่จะมีผู้ช่วย ช่วยทำงานระหว่างที่ไต๋พัก แต่เรื่องนี้ผิดระเบียบของทางเจ้าท่า ที่กำหนดให้บนเรือมีไต๋ได้เพียงคนเดียว คนอื่นจะมาทำแทนไม่ได้ ซึ่งความผิดในมาตรานี้ ต้องเสียค่าปรับ ซึ่งแทนที่จะปรับไต๋เพียงคนเดียวแต่กลับปรับทุกคนบนเรือ และมีความผิดทั้งอาญาและแพ่ง ที่ผ่านมาเจ้าของเรือประมงต้องเสียค่าปรับ 5-6 แสนบาท หรือเป็นล้านบาทก็มี ปัญหาเหล่านี้ ทางราชการไม่เข้าใจในเรื่องของการทำมาหากินของชาวประมงอวนล้อม และมีการดำเนินการที่ค่อนข้างหยุมหยิม ส่งผลให้แรงงานประมงเดินทางกลับบ้านและไม่กลับมาอีก "
นายสุรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่านอกจากนี้ การบันทึกการทำงานที่มีระเบียบและรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ทำให้ไต๋เพียงคนเดียวไม่สามารถทำงานได้ และกลัวว่าหากบันทึกผิดก็จะถูกดำเนินคดี จนวันนี้เรือประมงหลายลำไม่กล้าที่จะออกทำประมง ที่สุดจึงมีการประชุมและหารือเพื่อทำข้อสรุปส่งไปที่ นายอำเภอคลองใหญ่ และส่งไปที่จังหวัดเพื่อให้ช่วยประสานงานกับทางกระทรวงในการแก้ปัญหาต่อไป
“วันนี้ ลูกเรือประมงชาวกัมพูชาส่วนหนึ่งเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่อีกส่วนไม่กล้าออกไปทำประมง เจ้าของเรือประมงก็ไม่มีแรงงานและมีปัญหาจุกจิกในเรื่องของแผนที่ประจำเรือ หากลำใดไม่มี เจ้าท่าก็จะดำเนินคดีอีก การบันทึกเวลาทำงานเช่น แรงงานประมงหยุดทำงานเมื่อไร ทำงานนานแค่ไหน ซึ่งการจดบันทึกไต๋เรือบางคนไม่มีความรู้ ส่งผลให้เกิดความเครียดและไม่กล้าออกไปทำประมง นี่จึงเป็นเหตุให้เรือประมงอวนล้อมนับ 100 ลำจอดอยู่ที่ท่าเรือทั้ง 3 แห่งของอำเภอคลองใหญ่ และรอให้ทางรัฐบาลได้ทำการผ่อนผัน ซึ่งการรวมตัวครั้งนี้ต้องการให้เป็นข่าวเพื่อสะท้อนให้รัฐบาลได้เห็นว่ามาตรการที่รัฐบาลได้ทำได้ส่งผลให้กับชาวประมงอย่างเป็นที่สุดแล้ว”นายสุรพงษ์ กล่าว
