ศูนย์ข่าวศรีราชา - รวบแล้วชายสติไม่สมประกอบ ใช้น้ำมันเบนซินราดรถยนต์ชาวบ้านใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี ก่อนจุดไฟเผาจนได้รับความเสียหายรวม 7 คัน เหตุเกิดช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เบื้องต้น ให้การวกวน ตร.เร่งนำตัวหาสารเสพติด และตรวจสภาพจิตก่อนนำปบำบัด และดำเนินคดี ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เผยอดีตเคยเป็นคนมีฐานะดี ขายมรดกพ่อแม่ได้เงิน 32 ล้าน แต่ใช้เงินฟุ่มเฟือยทั้งเสพยา เลี้ยงเพื่อน เปิดคลับจนหมดตัว สุดท้ายกลายเป็นคนสติไม่ดี
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (26 มี.ค.) พ.ต.อ.ภาสกร ทุนทรัพย์ ผู้กำกับการ สภ.พานทอง จ.ชลบุรี ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัว นายวสิทธิ์ นันทิวัชวิภา อายุ 29 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุตระเวนขี่รถจักรยานยนต์ใช้น้ำมันเบนซินราดรถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนในพื้นที่ ต.หนองตำลึง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ก่อนจุดไฟเผา จนมีรถยนต์ได้รับความเสียหายรวม 7 คัน เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา และกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายเป็นชายรูปร่างท้วมขณะกำลังลงมือก่อเหตุไว้ได้อย่างชัดเจน
พ.ต.อ.ภาสกร เผยว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปิดวนดูอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายวสิทธิ์ จึงกระจายกำลัง ลงพื้นที่เพื่อล่าตัว โดยสามารถจับกุมได้ขณะกำลังนอนหลับอย่างสบายใจ ในบ้านเลขที่ 59 /2 ม.6 ต.มอบโป่ง อ.พานทอง จ.ชลบุรี พร้อมยึดของกลาง เป็นรถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน คฉล 45 ชลบุรี ที่ใช้ในการก่อเหตุ และถังแกลลอนน้ำมันสีแดง และควบคุมตัวไปทำการสอบสวนที่ สภ.พานทอง
เบื้องต้น พบเป็นคนสติไม่สมประกอบ และให้การวกวนไปมา จนต้องนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ก่อนส่งตัวไปตรวจสภาพจิตว่าปกติหรือไม่ ทั้งนี้ หากพบว่าสภาพจิตไม่ปกติก็จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการบำบัดรักษาให้หาย ก่อนดำเนินคดีต่อไป
“จากการสอบถามผู้ต้องหาได้กล่าวอ้างว่า ตัวเองเป็นสายลับ ซึ่งมีหน้าที่ตามจับแชร์ลูกโซ่ ส่วนสาเหตุที่ลงมือเผารถยนต์ถึง 7 คัน เป็นเพราะไม่พอใจที่ถูกด่าทออยู่เป็นประจำ และยังอ้างว่าตนเองเป็นคนของหน่วยงานราชการ” พ.ต.อ.ภาสกร กล่าว
และจากการสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ทราบว่า เมื่อ 4 ปีก่อน นายวสิทธิ์ เป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะดี เนื่องจากพ่อ และแม่ได้ทิ้งมรดกเป็นที่ดินไว้ให้เป็นจำนวนมาก และยังได้นำที่นาไปขายจนได้เงิน จำนวน 32 ล้านบาท แต่เพราะเป็นคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และยังนำเงินไปลงทุนเปิดคลับ เสพยาเสพติด และเลี้ยงเพื่อนจนหมด ทำให้สติฟั่นเฟือน และมักอ้างตนเองเป็นคนของหน่วยงานราชการ กระทั่งก่อเหตุดังกล่าวขึ้น