แพร่ – ชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรมฯตรวจสอบ พบเบาะแสต้องสงสัย จนท.รัฐ-คนมีสี เอี่ยวขบวนการลอบตัดไม้สวนป่าบางแห่ง-เผาตอให้เป็นสีดำ กลบรอยตัดใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า สวนป่าเศรษฐกิจขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ในจังหวัดแพร่ มีมากกว่า 20,000 ไร่ มีแปลงปลูก ทยอยตัดจำหน่ายได้กว่า 30 แปลง แต่หลายแห่งมีการลักลอบทำไม้นอกระบบ โดยเฉพาะที่สวนป่าสรอย ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ ซึ่งเป็นโครงการที่ 2 สัมปทานป่าไม้ในประเภทป่าบก มีพื้นที่อยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่สรอย ปลูกสร้างสวนป่ามาตั้งแต่ปี 2521 แบ่งออกเป็นแปลงย่อยๆ จำนวน 10 แปลง กว่า 10,000 ไร่ เป็นสวนป่าที่ทำรายได้มากถึง 8,799 ไร่
ล่าสุดชาวบ้านใน ต.แม่พุง ได้ยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ เมื่อ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เรียกร้องให้มีการตรวจสอบการทำไม้นอกระบบ ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้และภาษีอากรจำนวนมหาศาล ซึ่งนำไปสู่สภาวะขาดทุนขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การตัดไม้สักสวนป่าสรอยในรูปแบบไม้เถื่อน น่าจะเจ้าหน้าที่ร่วมมือ หรือรู้เห็น หรือรับผลประโยชน์ ซึ่งมีกระแสว่า มีคนมีสี 3 นายพัวพันด้วย โดยมีการลอบตัดสวนป่าแนวเขตริมแม่น้ำยม และเผาอำพรางตอไม้สักที่ตัดใหม่ ให้ตอเป็นสีดำ ก็ดูเหมือนตอเก่า จากนั้นมีการนำไม้ไปรวมหมอนอยู่บริเวณ ต.วังชิ้น มีทางเข้าย่านบ้านใหม่ ต.วังชิ้น
และก่อนหน้านี้มีการตัดไม้บริเวณแนวพื้นที่ว่างเปล่าของบ้านปางมะโอ หมู่ 12 ต.แม่พุง อ.วังชิ้น นอกเขตป่าสงวนฯ ซึ่ง ออป.ปลูกไม้สักรุกล้ำพื้นที่ทำกินของชาวบ้านปางมะโอ กว่า 30 ต้น ไม่มีการตีตราตัด หรือตีตราชักลากแต่อย่างใด ชาวบ้านในตำบลแม่พุง เรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาตรวจสอบการลักลอบตัดไม้สวนป่านอกระบบดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องทุจริตและทำลายสิ่งแวดล้อมโดยคนของรัฐ
ขณะที่นายวิบูลย์ เจริญชัย หัวหน้างานสวนป่าแม่สรอย ที่สำนักงานสวนป่าแม่สรอย แต่นายวิบูลย์ ได้แจ้งกับพนักงานในสำนักงานว่า ยังไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลชัดเจน
ด้านนายสกุลไชย จูมทอง นายอำเภอวังชิ้น กล่าวว่า ทางราชการไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังได้รับหนังสือร้องเรียนจะเข้าตรวจสอบ เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นสาเหตุที่มีการเผาสวนป่าเป็นประจำ ทำให้เกิดหมอกควันจนจังหวัดแพร่เป็นจังหวัดที่มีปัญหาหมอกควันรุนแรง
“ที่ผ่านมาตนได้สั่งการให้มีการตรวจสอบการขออนุญาตตัดไม้ครั้งละนับ 1,000 ต้น ซึ่งไม่มีระบบตรวจสอบอย่างจริงจัง การให้ใบอนุญาตก็อาจนำไปสู่การสวมตอก็เป็นได้ ทางที่ดีที่สุดประชาชนควรให้ความสำคัญและช่วยกันดูแล เพราะถ้ามีการตัดไม้อย่างถูกต้องรายได้จะเข้ารัฐทั้งผลกำไรและภาษีอากร ท้องถิ่นก็ได้ภาษีไปพัฒนาด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คงต้องตั้งกรรมการเข้าตรวจสอบต่อไป”