xs
xsm
sm
md
lg

สช.ลงพื้นที่เมืองกาญจน์ ตามคดีโรงเรียนเอกชนเอกชน นำเด็กไร้ตัวตนเบิกงบรายหัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ลงพื้นที่กาญจนบุรี หารือร่วมสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรีติดตามคดีโรงเรียนเอกชน นำเด็กไร้ตัวตนเบิกงบรายหัว เผยพบอุปสรรค เหตุอยู่ระหว่างปิดเทอม ชี้อีกไม่นานข้อเท็จจริงชัดเจน หากพบผิดโดนทั้งแพ่งและอาญา

วันนี้ (23 มี.ค.) นายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มอบหมายให้ นายจาตุรงค์ ม่วงน้ำเงิน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)และ น.ส.ศรีวรรณ จันทร์เชื้อ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เดินทางเข้าพบนายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี และนายโอภาส ต้นทอง รองศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี

เพื่อหารือแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวว่าพบโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี มีพฤติกรรมการทุจริต ด้วยการนำรายชื่อเด็กนักเรียนที่ไม่มีตัวตน มาเบิกเงินรายหัว ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำหรับโรงเรียนเอกชนดังกล่าว เปิดสอนในระดับอนุบาลจนถึงชั้นปฐมศึกษา ซึ่งการประชุมหารือใช้เวลาประมาณ 40 นาทีจึงแล้วเสร็จ

นายจาตุรงค์ ม่วงน้ำเงิน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เปิดเผยว่าการเดินทางมาในครั้งนี้เนื่องจากเราได้รับข่าวสารว่ามีโรงเรียนเอกชนดำเนินการนำเด็กที่ไม่มีตัวตนมาเบิกเงินรายหัว ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)และงบประมาณดังกล่าวได้รับมาจากรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง

เบื้องต้นเรายังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่ามีมากน้อยขนาดไหน จึงเดินทางมาที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี (ศธจ.) เพื่อที่จะหาแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่ง ศธจ.จะเป็นด่านแรกที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องของหลักฐานต่างๆ ซึ่งจะชัดเจนมากกว่า

ถามว่าจากกรณีการทุจริตดังกล่าวจะส่งผลลุกลามไปทั่วประเทศหรือไม่ ก็มีส่วนเป็นไปได้ในกรณีเด็กซ้ำซ้อนมันเกิดขึ้นได้ทุกที่ ซึ่งในแต่ละที่จะเกิดในลักษณะแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าทางโรงเรียนมีเจตนาอย่างไร ซึ่งถ้าเกิดซ้ำซ้อนในลักษณะของเอกชนด้วยกัน เรามีระบบการป้องกันอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดซ้ำซ้อนกับที่อื่น เช่นซ้ำซ้อนกับโรงเรียนอื่นที่มีตัวตนอยู่ แต่ทางโรงเรียนของตนเองไม่มีเด็ก เป็นต้น อย่างนี้เป็นการผิดพลาดในการเจตานา หรือไม่เจตนา เราต้องดูให้ละเอียด แต่ถ้าเป็นการซ้ำซ้อนโดยที่มีเด็กอยู่ แต่อีกหนึ่งโรงเรียนไม่มีเด็ก อันนี้ถือว่าข้อมูลของเรานั้นชัดเจน เพราะเป็นโรงเรียนที่มีสิทธิ์เบิกเงินรายหัวได้ตามปกติ

สำหรับขั้นตอนในการดำเนินคดี คือหากตรวจพบ เช่นต้องดูก่อนว่าการเบิกจ่ายเด็กซ้ำซ้อนจะมีความผิดแบบไหนบ้าง คือ ข้อมูลผิดพลาด ข้อมูลผิดพลาดในที่นี้หมายความว่า ทางโรงเรียนมีเด็กที่มีตัวตนอยู่ แล้วเอามาเบิกรายหัว กรณีแบบนี้อาจจะมีสามเหตุคือเด็กลาเรียน หรือขาดเรียนแล้วแต่กรณี ซึ่งทางโรงเรียนอาจจะรู้ก็ได้หรือไม่รู้ก็ได้ นี่คือความผิดพลาดที่ทาง สช.สามารถเรียกเงินคืนได้

แต่ถ้าเกิดจากกรณีเบิกด้วยเจตนา หรือโกงเด็กด้วยเจตนาคือนำเด็กเข้ามาสวม และถ้าเกิดทางศึกษาธิการจังหวัด หรือ สช.เข้าตรวจพบ กรณีแรกเลยคือการเรียกเงินคืน สองจะต้องดำเดินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา และอาจจะมีการปรับรวมทั้งลงโทษทางโรงเรียนด้วย แต่อย่างไรก็ต้องเรียกเงินคืนอยู่แล้ว เพราะเงินจำนวนดังกล่าวทางรัฐบาลจัดสรรมาให้ โรงเรียนไม่มีสิทธิ์นำเงินไปใช้จ่ายโดยเด็ดขาด

สำหรับการเข้าตรวจสอบโรงเรียนที่เป็นของเอกชนนั้นไม่ได้มีอุปสรรค เพราะจริงๆแล้วเรามีระเบียบ แนวทางและหลักเกณฑ์อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ในการเข้าดำเนินการตรวจสอบโรงเรียนเอกชนจะมีขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งทางโรงเรียนจะต้องยื่นขอรับเงินอุดหนุนทุกปี หน้าที่หลักของ ศธจ.หรือ สจ.จะต้องเข้าไปตรวจสอบโรงเรียนที่มีสิทธิ์รับทุน

นายจาตุรงค์ เปิดเผยต่อว่า สำหรับข้อมูลการทุจริตของโรงเรียนเอกชน เบื้องต้นขณะนี้เราเพียงแค่ได้ทราบข่าวจากทางหนังสือพิมพ์ หลังจากมีการนำเสนอข่าว ทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี (ศธจ.) ก็จะเป็นผู้ดำเนินการเก็บหลักฐาน ซึ่งเรายังไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นโรงเรียนไหน แต่เราจะมองในภาพรวมทั้งหมด โดย ศธจ.จะเข้าไปตรวจโรงเรียนเอกชนแต่ละแห่งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนตัวเลขความเสียหายที่ทราบจากทางสื่อ ถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก แต่นี่คือเงินงบประมาณของรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนจึงถือได้ว่าเสียหายเป็นจำนวนมาก

ด้านนายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวจากสื่อมวลชน ศธจ.ก็ได้รับการประสานจากคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)ซึ่งเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา และได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งทันที และนอกจากนั้นเราได้ไปเจาะข่าวที่เบาะแสที่ได้รับ ซึ่งก็พบว่ามีเบาะแสข้อเท็จจริงในบางส่วนและ ศธจ.จะดำเนินการตรวจสอบในเชิงลึกในทุกๆ โรงเรียนของเอกชนที่มีอยู่ ทั้งหมด 24 โรงเรียน

เมื่อเราได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว แนวโน้มค่อนข้างที่จะเป็นไปตามที่สื่อได้นำเสนอข่าว ประเด็นหนึ่งก็คือเรื่องของเด็กซ้ำซ้อน และอีกประเด็นคือนำเด็กที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์การเรียน มาเบิกเงินรายหัว แต่ในรายละเอียดเรื่องนี้เบื้องต้นพบเพียงแค่สองรายเท่านั้น แต่จากหลังฐานที่เราได้มาล่าสุดซึ่งไม่ใช่การได้มาจากส่วนราชการ คือเราได้หลักฐานมาอย่างไม่เป็นทางการ และเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง

ดังนั้น วันนี้ทางศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี จึงได้ทำหนังสือไปถึงโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ของเราเข้าไปตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องเอกสารทางทะเบียนราษฎร์ ตามรายชื่อของเด็กที่ปรากฏ แต่จะต้องไปตรวจสอบเอกสารที่โรงเรียนอีกครั้งหนึ่งว่า มีการแก้ไขเอกสารสูติบัตรหรือไม่ ซึ่งเมื่อวานนี้ (22 มี.ค.)เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปที่โรงเรียนแล้ว แต่บังเอิญอยู่ระหว่างปิดเทอม และบุคลากรของโรงเรียนที่ทำเรื่องนี้ไม่อยู่ จึงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เราจึงได้มาเพียงแค่พยานแวดล้อมที่เป็นของเราเอง และถ้าหากได้เอกสารจากทางโรงเรียนมา เรื่องก็จะชัดเจนทันที

จากนั้นก็จะสามารถระบุได้เลยว่า ทางโรงเรียนได้กระทำในกรณีใดบ้าง ส่วนเรื่องเด็กซ้ำซ้อนหลักฐานที่มีอยู่นั้นค่อนข้างชัดเจน และหลังจากได้หลักฐานครบทั้งหมดเมื่อพิจารณาร่วมกันแล้วพบว่าคดีมีมูล ก็จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น