บุรีรัมย์- ครอบครัว ด.ญ.วัย 14 ชาว อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้ารายที่ 6 ของประเทศ ยังทำใจไม่ได้ต้องสูญเสียลูกสาวคนเดียว พร้อมเตือนเป็นอุทาหรณ์แค่สัมผัสน้ำลายหรือโดนสุนัข-แมวกัดข่วนเล็กน้อยอย่าชะล่าใจติดเชื้อถึงขั้นตายได้ ขณะหมอฉีดวัคซีนคนใกล้ชิดหวั่นติดเชื้อ
วันนี้ (20 มี.ค.) บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 16 บ้านสี่เหลี่ยมโนนทอง ต.หูทำนบ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ด.ญ.ชลธาร ช่วยแสง หรือน้องต่าย อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านสุขสำราญ ที่เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นรายที่ 6 ของประเทศ ยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว
ขณะที่เพื่อนบ้านได้แวะเวียนมาแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวน้องต่าย และสอบถามข่าวคราวอย่างต่อเนื่อง เพราะหลายคนไม่เชื่อว่าแค่น้องถูกสุนัขงับที่มือแต่ไม่มีบาดแผลแค่เป็นรอยข่วนเล็กน้อยจะทำให้น้องเสียชีวิตรวดเร็วขนาดนี้ ส่วนสุนัขตัวที่งับมือน้องต่ายทราบว่าเป็นสุนัขมาจากหมู่บ้านอื่น ขณะนี้ได้ตายไปและเจ้าของฝังซากไปแล้ว แต่ที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียงเนื่องจากทราบว่าสุนัขที่กัดน้องต่ายจนทำให้เสียชีวิตได้ไล่กัดสุนัขไปหลายตัว จึงกลัวว่าจะนำเชื้อพิษสุนัขบ้าไปแพร่ระบาด ส่วนคนในครอบครัวที่ใกล้ชิดกับน้องต่ายที่เสียชีวิตขณะนี้หมอได้ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกคน
ขณะที่ นางสมยง ช่วยแสง อายุ 43 ปี แม่ของน้องต่าย บอกว่า ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียลูกสาวเพียงคนเดียว เพราะไม่คิดว่าลูกจะจากไปรวดเร็วขนาดนี้ พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ขณะลูกสาวไปเต้นรำในงานบุญหมู่บ้าน มีสุนัขวิ่งเข้ามางับที่มือลูกสาวแต่ไม่มีบาดแผลมีเพียงรอยข่วนเล็กน้อยเท่านั้น ลูกสาวจึงบอกกับยายเพื่อนบ้านที่ไปเต้นรำด้วยกันว่าไม่เป็นไร และกลับมาบ้านลูกสาวไม่ได้บอกแม่และคนในครอบครัวว่าถูกสุนัขงับที่มือ จึงไม่ได้พาลูกสาวไปฉีดวัคซีน จากนั้นลูกสาวใช้ชีวิตเป็นปกติไม่ได้แสดงอาการอะไร
กระทั่งวันที่ 15 มี.ค.เห็นลูกสาวนอนซมตัวร้อนจัดจึงต้มน้ำให้อาบ ต่อมาวันที่ 16 มี.ค. บอกอีกว่าแน่นหน้าอก จึงให้กินยาพาราฯ เพราะคิดว่าไม่สบายธรรมดา ซึ่งน้องต่ายไม่เคยมีโรคประจำตัว กระทั่งตี 1 คืนเดียวกันลูกร้องเสียงดังบอกว่าเจ็บหน้าอกหายใจไม่ออก พอตี 5 ลูกเริ่มมีอาการคันตามตัวเหมือนเป็นลมพิษจึงรีบพาไปโรงพยาบาล แต่ไม่อยากรอคิวจึงพาลูกไปคลินิก ได้ฉีดยาลดไข้และยาขยายหลอดลม
หลังจากนั้นอีก 3 ชั่วโมงอาการของลูกไม่ดีขึ้นจึงกลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง หมอให้พักรักษาตัวดูอาการที่โรงพยาบาลปะคำ แต่ตี 1 วันที่ 17 มีนาคม ลูกสาวเสียชีวิต ซึ่งหมอที่โรงพยาบาลปะคำบอกว่าลูกเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า จึงตกใจมากไม่คิดว่าแค่โดนสุนัขงับเป็นรอยนิดเดียวจะถึงขั้นเสียชีวิต
นางสมยงบอกอีกว่า อยากให้กรณีของลูกสาวเป็นกรณีตัวอย่างแก่ผู้ที่เลี้ยงสุนัข หรือพ่อแม่ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป หากสัมผัสน้ำลาย ถูกสุนัข แมวกัด หรือข่วน ไม่ควรชะล่าใจ ควรรีบล้างทำความสะอาด และรีบไปหาหมอเพื่อรับการฉีดวัคซีนทันที หากประมาทล่าช้าอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้