ศรีสะเกษ - สาวแสบวัย 16 ปีหลอกหนุ่มวัย 18 แต่งงานแล้วเชิดเงินสินสอดทองหมั้นหนี หนุ่มเผยรู้จักกันผ่านโซเชียลฯ มาอยู่ด้วยกัน 3 เดือนก่อนตัดสินใจวิวาห์ แต่อยู่กินกันไม่ถึงเดือนหนีหายไปมีคนใหม่หวังหลอกแต่งเอาเงินค่าสินสอดอีก ยันเป็นเหยื่อคนที่ 5 แต่ไม่ติดใจเอาความ เตือนหนุ่มเป็นเหยื่อรายต่อไป
เมื่อเวลา 18.30 น. วันนี้ (19 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่ามีหญิงสาวรายหนึ่ง อายุ 16 ปี มีพฤติกรรมคล้ายกับ “น้องน้ำฝน” คือหลอกให้ชายหนุ่มมาแต่งงานแล้วเชิดเงินค่าสินสอดหนีไป โดยมีญาติของหนุ่มคนหนึ่งอายุ 18 ปี เป็นคนโพสต์ข้อความดังกล่าว ทำให้มีประชาชนพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากนั้น เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่บ้านหนองยาว ต.ไผ่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของ นายสมัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี และนางสังวาลย์ อายุ 47 ปี พ่อและแม่ของ นายบอย (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายกรณีนี้
โดยมีบรรดาญาติพี่น้องที่ทราบข่าวพากันมาให้กำลังใจและปลอบใจนายบอยกันอย่างคึกคัก ขณะที่นายบอยมีสีหน้าที่ยังไม่คลายจากอาการเศร้าโศกเสียใจที่ถูก น.ส.ออย (นามสมมติ) ทอดทิ้งไปอย่างไม่แยแส ทั้งที่เพิ่งแต่งงานอยู่กินกันอย่างถูกต้องตามประเพณีแล้ว
นายบอยเล่าว่า ตนเสียใจมากที่มาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ เนื่องจากตนรัก น.ส.ออยมาก โดยรู้จักกันทางสื่อออนไลน์ จากนั้น น.ส.ออยได้มาหาตนที่บ้าน และได้มาอยู่กับตนเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นพ่อแม่ของตนจึงได้ตกลงใจไปสู่ขอและจัดพิธีแต่งงานให้ตนกับ น.ส.ออยเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ระหว่างที่อยู่กินด้วยกันที่บ้านของฝ่ายหญิง น.ส.ออยได้เคยหนีออกไปจากบ้าน 2 ครั้ง โดยอ้างว่าไปดื่มเหล้ากับเพื่อนและเมาไม่สามารถกลับบ้านได้ ซึ่งเมื่อก่อนวันที่ 16 มี.ค. ตนพบว่า น.ส.ออยนำเอาโทรศัพท์ของตนไปเล่นไลน์กับผู้ชายคนใหม่ โดยเรียกกันว่าที่รัก ทำให้ตนโมโหมาก แต่ตนก็อดทนมาตลอด
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 มี.ค. น.ส.ออยได้หนีออกจากบ้านไป ตนจึงได้โทรศัพท์บอกพ่อแม่ให้ไปรับตนกลับมาบ้าน พร้อมทั้งขอเงินสินสอดทองหมั้นคืน โดยตนแต่งงานค่าสินสอดทั้งสิ้น 40,000 บาท ทองคำหนัก 1 บาท ไม่รวมกับค่าใช้จ่ายจัดงานแต่งงานอีกประมาณร่วม 20,000 บาท ซึ่งพ่อแม่ของ น.ส.ออยได้คืนเงินให้ตน 1,000 บาท และทองหนัก 1 บาท โดยอ้างว่าเงินใช้จ่ายไปหมดแล้ว
นายบอยกล่าวต่อว่า ตนรู้สึกผิดสังเกตตั้งแต่ช่วงที่ทำพิธีแต่งงานกัน เนื่องจากไม่มีญาติพี่น้องของฝ่ายหญิงมาร่วมพิธีแต่อย่างใด มีเพียงพ่อแม่ ผู้ใหญ่บ้าน และญาติอีก 2 คน รวมแล้วประมาณ 6 คนเท่านั้น ขณะที่ญาติของตนไปทั้งสิ้นประมาณ 50 คน และจัดพิธีแต่งงานอย่างเรียบง่ายมากเหมือนกับเกรงว่าคนจะรู้เรื่องนี้ ญาติของตนต้องเอาเสื่อไปปูนั่งใต้ต้นไม้
การที่ตนออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เนื่องจากทราบเรื่องจากคนในหมู่บ้านของฝ่ายหญิงว่า น.ส.ออยเคยมีแฟนมาแล้ว 4 คน ตนเป็นคนที่ 5 ซึ่งก่อนหน้านี้แฟนคนที่ 4 ทราบว่าหมดเงินไปกับค่าสินสอดทองหมั้นประมาณ 100,000 บาท
อย่างไรก็ตามตนไม่ติดใจเอาความ น.ส.ออย แต่อยากขอเตือนไปยังหนุ่มทุกคนที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ น.ส.ออย ว่าขอให้ระมัดระวังให้ดี อย่าตกเป็นเหยื่อของ น.ส.ออย เพราะจะหลอกแต่งงานแล้วเชิดเงินหนีเหมือนที่ตนกำลังเป็นอยู่อย่างนี้ ซึ่งผู้ชายคนใหม่ที่กำลังถูก น.ส.ออยหลอกว่าจะแต่งงานด้วยกำลังคบกันได้ 3 วัน แต่พอทราบเรื่องของตน ผู้ชายคนใหม่ได้รีบหลีกหนีหายไปทันที
ทางด้าน นายสมัย พ่อของนายบอย ผู้เสียหาย กล่าวว่า ค่าสินสอดจำนวน 40,000 บาทที่จ่ายไปนั้นสำหรับคนมีเงินอาจไม่มากนัก แต่สำหรับตนแล้วซึ่งมีฐานะไม่ได้ร่ำรวยเงินจำนวนนี้มีค่ามาก ตนคาดไม่ถึงว่า น.ส.ออยจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ และหากว่า น.ส.ออยย้อนกลับมาหาลูกชายของตน ตนไม่ยอมรับเพราะพฤติกรรมแบบนี้รับไม่ได้
อีกทั้งลูกสาวของตนที่เป็นพี่สาวของนายบอยได้ค้นหาในสื่อออนไลน์พบว่า น.ส.ออยคบหากับผู้ชายอีกหลายคน ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน และเราได้รวบรวมหลักฐานไว้หมดแล้ว แต่จะไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะต้องการให้เป็นอุทาหรณ์และต้องการให้ผู้ชายคนอื่นๆ ได้ทราบพฤติกรรมของ น.ส.ออยเท่านั้น