ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - พายุฝนหอบลูกเห็บถล่ม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ต้นไม้ใหญ่โค่นทับโรงเรียน 3 แห่งเสียหายหนัก โชคดีครู นักเรียนปลอดภัย ขณะลุงวัย 52 พาเมียและลูกหลาน 15 ชีวิตวิ่งหนีลูกเห็บเข้าไปหลบในบ้าน เคราะห์ซ้ำลมหมุนพัดบ้านพังครืนทั้งหลัง ทับเจ็บ 4 ราย พบบ้านเรือน-ยุ้งข้าวพังกว่า 100 หลัง
วันนี้ (15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุพายุฝนและลูกเห็บพัดถล่มในพื้นที่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ 2 ตำบล มี ต.กระสัง และ ต.ทุ่งวัง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 มี.ค. ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎร และยุ้งข้าวได้รับความเสียหายมากกว่า 100 หลัง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกแรงลมพัดเอาหลังคาบ้านปลิวหลุดออก บางหลังที่เป็นสังกะสีปลิวไปไกลเกือบ 100 เมตร
แต่ที่เสียหายหนักสุดคือบ้านของนายคำตน สมานใจ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 223 ม.15 บ้านตุงเวียง ต.ทุ่งวัง อ.สตึก ถูกพายุพัดบ้านพังเสียหายทั้งหลัง ทั้งนี้ยังมีสมาชิกในครอบครัวทั้งภรรยา ลูกหลาน 15 คนที่พากันวิ่งหนีพายุฝนและลูกเห็บเข้าไปหลบในบ้าน เพราะคิดว่าเป็นที่ปลอดภัย แต่เคราะห์ซ้ำกลับถูกพายุพัดบ้านพังครืนลงทั้งหลัง ทำให้โครงหลังคาและซากปรักหักพังของตัวบ้านทับนายคำตน ภรรยา ลูกและหลานได้รับบาดเจ็บ 4 คน แต่โชคดีที่ไม่หนักเพียงศีรษะแตก และมีรอยฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้น
นอกจากนั้น พายุฝนและลูกเห็บยังได้พัดเอาหลังคาโรงเรียน และพัดต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับโรงเรียนเสียหายหนักอีกจำนวน 3 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านกระสัง, โรงเรียนบ้านหนองครก และโรงเรียนบ้านโคกอะโตด โดยมีทั้งอาคารเรียน หลังคา ฝ้าเพดาน โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บเอกสาร และเครื่องคอมพิวเตอร์ได้รับความเสียหาย แต่โชคดีที่ครู และนักเรียนซึ่งกำลังอยู่ระหว่างสอบปลายภาคปลอดภัย
นายทองสูณ บัวมาตย์ ครูโรงเรียนบ้านโคกอะโตด บอกว่า ไม่เคยเห็นพายุฝนและลูกเห็บถล่มหนักขนาดนี้มาก่อน แต่โชคดีที่ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงเย็นที่เด็กสอบเสร็จพอดีจึงอนุญาตให้เด็กๆ กลับบ้าน หลังจากเด็กกลับบ้านแล้วก็เกิดพายุฝนและลูกเห็บถล่มอย่างหนักจนทำให้ต้นสน และต้นจามจุรีขนาดใหญ่ที่ปลูกไว้หน้าอาคารเรียนล้มลงทับอาคารเรียนพังเสียหาย เบื้องต้นเฉพาะโรงเรียนแห่งนี้คาดว่าทั้งอาคารเรียนและอุปกรณ์การเรียนที่เสียหายมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท โดยได้รายงานให้ สพป.เขต 4 หน่วยงานต้นสังกัดรับทราบแล้ว
ด้านนายคำตน สมานใจ เจ้าของบ้านที่ถูกพายุพัดพังเสียหายทั้งหลัง บอกว่า หลังกลับจากตัดอ้อยก็มีพายุฝนและลูกเห็บถล่มอย่างรุนแรง จึงบอกให้ภรรยา และลูกหลานรวมทั้งหมด 15 คนวิ่งเข้าไปหลบในบ้านเพราะคิดว่าเป็นที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว แต่เพียงไม่นานพายุพัดถล่มจนบ้านพังทั้งหลังแบบไม่คาดคิด ทำให้ทั้งตนเอง ภรรยา และลูกหลานที่หลบในบ้านวิ่งออกมาไม่ทันถูกบ้านพังทับบาดเจ็บ 4 คน แต่โชคดีที่บาดเจ็บไม่หนักมาก ก่อนจะพากันตะเกียกตะกายออกมาจากซากปรักหักพังของบ้านอย่างทุลักทุเล ท่ามกลางฝนที่ยังตกกระหน่ำ
นายคำตนบอกว่า บ้านหลังดังกล่าวสร้างมาประมาณ 2 ปีแล้วด้วยเงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตจากอาชีพทำนา ไร่อ้อย รับจ้างทั่วไป รวมถึงเงินที่ขายควายที่เลี้ยงไว้สองแม่ลูกด้วย แต่ไม่คาดคิดว่าจะมาถูกพายุพัดพังเสียหายแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น และยังไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาสร้างใหม่ ตอนนี้จึงต้องไปอาศัยบ้านญาติก่อนชั่วคราว
ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง 2 แห่ง และผู้นำชุมชนได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเพื่อรายงานอำเภอ จังหวัดทราบ และเร่งให้ความช่วยเหลือตามระเบียบ ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีบ้านเรือนราษฎร ยุ้งข้าว และโรงเรียนเสียหายกว่า 100 หลัง