ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ป.ป.ท.เขต 4 ลุยสอบปากคำชาวบ้านชุมแพเป็นวันที่สอง หลังพบชาวบ้าน-อสม.เกือบร้อยถูกศูนย์คนไร้ที่พึ่งฯ สวมชื่อเบิกเงิน ด้านผู้ติดเชื้อ HIV เสียใจเคยได้เงินช่วยเหลือแค่ 500 บาทที่เหลือถูกโกง ขณะที่ อสม.อีกรายบอกที่บ้านฐานะดีแต่กลับมีชื่อเป็นคนยากไร้เบิกเงินสงเคราะห์
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (7 มี.ค.) ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำ (รพ.สต.) ตำบลวังหินลาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ชาวบ้านและอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.บ้านนาดี ต.วังหินลาด อ.ชุมแพ ที่มีรายชื่อในบัญชีเบิก-จ่ายเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น เดินทางเข้าให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตเงินสงเคราะห์ฯ ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง นำโดย นายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 4
โดยชาวบ้านและ อสม.ที่มาให้ปากคำในครั้งนี้ทราบว่าถูกนำรายชื่อและเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนไปใช้ประกอบเบิกเงินสงเคราะห์ฯ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ปีงบประมาณ 2560 ทั้งที่พวกตนไม่เคยทราบเรื่องและไม่เคยได้รับเงินมาก่อน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ป.ป.ท.เขต 4 พบว่า ในพื้นที่ ต.วังหินลาดมีรายชื่อชาวบ้านทั่วไปและผู้ที่เป็น อสม.ถูกนำรายชื่อไปแอบอ้างเบิกเงินจำนวน 84 คน เป็นเงินกว่า 160,000 บาท
ชาวบ้านแต่ละคนที่ทราบว่าตนมีรายชื่อเกี่ยวกับการทุจริตเงินต่างก็ตกใจรีบเดินทางมาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีเพื่อยืนยันว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคณะอนุกรรมการฯ เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าว
คณะอนุกรรมการฯ ได้สอบปากคำและไต่สวนสอบปากคำชาวบ้านที่มีรายชื่อในบัญชี เป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าผู้มีรายชื่อได้รับเงินจริงหรือไม่ และผู้ที่ได้รับเงินและไม่ได้รับเงินมีคุณสมบัติตรงกับเงื่อนไขที่สามารถรับเงินดังกล่าวได้หรือไม่
นายโหน่ง (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ชาวตำบลวังหินลาด เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่มีรายชื่อ ในบัญชีรับเงินสงเคราะห์ เล่าว่า ในปี 2560 มีเจ้าหน้าที่ของ อบต.วังหินลาดนำเอกสารมาให้เซ็น ซึ่งตนจำได้คร่าวๆ ว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับการขอรับเงินช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย และผู้ติดเชื้อ HIV เนื่องจากตนมีคุณสมบัติตามเงื่อนไข (เป็นผู้ติดเชื้อ HIV) แต่หลังจากนั้นตนก็ได้รับเงิน 500 บาทเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งตนก็ไม่ได้สงสัยหรือเอะใจเพราะคิดเพียงว่าได้รับการช่วยเหลือก็ดีแล้ว แต่หลังจากมาทราบเรื่องว่าตนถูกโกงเอาเงินที่สมควรจะได้ก็รู้เสียใจ เพราะเงินจำนวนดังกล่าวหากได้รับเต็มจำนวนก็สามารถจุนเจือครอบครัวตนเองได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการซ้ำเติมคนทุกข์ยากให้ลำบากขึ้นไปอีก
ขณะที่นางนิตใจยา สุริยันต์ หนึ่งในกลุ่ม อสม.บ้านนาดี บอกว่า หลังจากรู้เรื่องจากเพื่อน อสม.ว่ามีรายชื่อเบิกเงินของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ตนขอยืนยันว่าไม่เคยร้องขอหรือยื่นเรื่องขอรับเงินสงเคราะห์แม้แต่ครั้งเดียว เพราะมีอาชีพที่มั่นคง และมี รายได้จากการทำธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว
แม้จะยื่นขอคุณสมบัติก็คงไม่ผ่าน เมื่อมาเห็นชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีผู้รับเงินก็งงมาก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไขเรื่องนี้กระจ่างชัด และนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี ให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำชาวบ้านในพื้นที่ ต.วังหินลาด และการตรวจสอบ เอกสารที่เป็นคำร้องขอรับเงินสงเคราะห์ พบว่าเกือบทั้งหมดมีการกรอกข้อมูลที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง เช่น วุฒิการศึกษา สถานภาพทางครอบครัว และวัตถุประสงค์ของการขอรับเงินสงเคราะห์
คณะอนุกรรมการไต่สวนจะเร่งตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อทำสำนวนการไต่สวนให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลา 6 เดือน ก่อนที่จะเสนอไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ท.เพื่อพิจารณาชี้มูลความผิด ก่อนจะส่งให้อัยการลงความเห็นสั่งฟ้องต่อไป