สุรินทร์- สองสามีภรรยาขับรถกระบะขนสินค้าของดีเมืองนครสวรรค์มุ่งหน้าร่วมแสดงสินค้า งานมหกรรมเอสเอ็มอี เอส แฟร์ ของกระทรวงพาณิชย์ ในตัวเมืองสุรินทร์ แต่เกิดอุบัติเหตุก่อนถึงงานรถพลิกคว่ำหลายตลบ เทกระจาดสินค้าเกลื่อนขวางถนนรถพังยับ บาดเจ็บทั้งคู่ สามีสาหัส
เมื่อเวลา 00.10 น. วันนี้ (28 ก.พ.) ร.ต.อ.ธนากร พวงจำปา ร้อยเวรสอบสวน สภ.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 สภ.ทุ่งมน และศูนย์นเรนทรสุรินทร์ ว่าเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงหมายเลข 24 สีคิ้ว-อุบลราชธานี ขาเข้าอำเภอปราสาท ระหว่างหลัก กม.183-184 เขตบ้านละลมระไซร์ ต.ปรือ อ.ปราสาท มีผู้ได้รับบาดเจ็บและรถพลิกคว่ำสิ่งของหล่นบนพื้นถนน หลังจากได้รับแจ้งได้ประสานหน่วยกู้ชีพ อบต.ตานี, หน่วยกู้ชีพ อบต.ปรือ พร้อมด้วยอาสากู้ชีพพื้นที่ใกล้เคียงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ แบบแค็บ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน บพ 9397 นครสวรรค์ บรรทุกสินค้า พลิกคว่ำตะแคงข้างขวางการจราจร 1 ช่องทาง สภาพพังยับเยิน สินค้าจำพวกอาหารสดและแห้ง อุปกรณ์กระจายเกลื่อนถนนและบางส่วนตกลงไปข้างทาง มีผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุ 2 คน ทราบว่าเป็นสามีภรรยากัน โดยสามีเป็นคนขับทราบชื่อคือ นายจักรกฤษ ดาวเรือง อายุ 50 ปี และภรรยา คือ นางสาวกัลยารัตน์ ดาวเรือง อายุ 30 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 137/1 ม.1 ต.เกรียงไกร อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
โดยสามีได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดที่ศีรษะขนาดใหญ่มีอาการซึม ส่วนนางสาวกัลยารัตน์ภรรยามีแผลเล็กน้อย กู้ชีพ อบต.ตานีทำการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลปราสาท
สอบถาม นางสาวกัลยารัตน์ ภรรยา บอกว่า ตนและสามีขับรถกระบะออกจากบ้านเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ก.พ. ได้บรรทุกสินค้าของดีเมืองนครสวรรค์ เป็นอาหารจำพวกปลาเค็ม ปลาหมัก บรรทุกมาท้ายกระบะ มุ่งหน้าไปจังหวัดสุรินทร์เพื่อร่วมงานมหกรรมเอสเอ็มอี เอส แฟร์ ที่กระทรวงพาณิชย์จัดขึ้น บริเวณลานจอดรถ สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ใน อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยขับรถมาตามเส้นทางหมายเลข 24 สายสีคิ้ว-อุบลราชธานี และกำลังจะถึงตัวอำเภอปราสาท จู่ๆ รถเกิดตกลงร่องกลางถนนเสียหลักพลิกคว่ำหลายตลบจนตัวรถข้ามไปอีกฝั่งถนนโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่ตนและสามีรัดเข็มขัดนิรภัยจึงรอดมาได้แค่บาดเจ็บ ส่วนสินค้ากระจายเกลื่อนเสียหายทั้งหมด รถพังยับเยิน สาเหตุคาดว่าสามีคงมีอาการหลับใน
ด้าน ร.ต.อ.ธนากร พวงจำปา ร้อยเวรสอบสวน สภ.ทุ่งมน เจ้าของคดี ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และจะได้สอบสวนนายจักรกฤษ หาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงอีกครั้งเมื่ออาการดีขึ้นและปลอดภัยแล้ว
