กาฬสินธุ์ - ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ เผย “ชิต สายเบิร์น” มีอาการเครียด จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าดูอาการ เกรงทำร้ายตัวเอง ด้านผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ สั่งติดตั้งไฟส่องสว่าง และกล้องวงจรปิดตามจุดเสี่ยง พร้อมช่วยเหลือเยียวยานักศึกษาเคราะห์ร้ายทั้งสอง
จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุขับรถกระบะเบียดชนจักรยานยนต์ แล้วใช้ปืนยิงนักศึกษาหนุ่มปี 3 บาดเจ็บสาหัส และฉุดนักศึกษาสาวชั้นปี 2 ขึ้นรถกระบะข่มขืน และปล่อยทิ้งไว้บนภูพาน พื้นที่ จ.สกลนคร โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายทิษณุ โถนารัตน์ หรือชิต สายเบิร์น ชาวอำเภอคำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาคดีพยามฆ่านักศึกษาชาย และข่มขืนนักศึกษาหญิง มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตำรวจนำตัวไปส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี หรือไปก่อเหตุอันตรายซ้ำอีก เจ้าหน้าที่จึงคุมขังเดี่ยวในเรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์
ล่าสุด วันนี้ (20 ก.พ.) นายพชรวิเชียร สมจิตร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า คดีสะเทือนขวัญดังกล่าวถือว่าคนร้ายก่อเหตุอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยหลังจากตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และเก็บหลักฐานทั้งหมดแล้ว ได้ส่งตัวไปที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากนั้น ทางเรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ไปรับตัวผู้ต้องหามาฝากขังที่เรือนจำ โดยจะฝากจังผลัดแรก 12 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่พยาบาลเรือนจำได้ตรวจร่างกาย ค้นตัวอย่างละเอียด ไม่ให้มีสิ่งต้องห้ามเข้าเรือนจำ ผู้ต้องขังปฏิบัติตัวเหมือนผู้ต้องขังทั่วไป แต่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ และพบว่า ผู้ต้องขังมีอาการเครียด ต้องให้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล เกรงว่าจะทำร้ายตัวเอง
ส่วนยาที่ญาตินำมาให้ ตรวจสอบพบเป็นยาคลายเครียด ยาลดความดัน และยาเกี่ยวกับจิตเวช โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำจะนำตัวยาทั้งหมดไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล และตรวจร่างกายผู้ต้องขังอย่างละเอียดอีกครั้ง หากผู้ต้องขังมีความเครียดเจ้าหน้าที่จะได้จ่ายยาถูกต้อง ซึ่งช่วงนี้พบว่าญาติมาเยี่ยมผู้ต้องขังเป็นประจำ โดยเรือนจำได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปเยี่ยมญาติโดยประกบอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาท เนื่องจากทางญาติ และผู้ต้องขังมีอาการเครียดเกี่ยวกับคดีดังกล่าว
ด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ทางจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ให้ทางอำเภอนามน ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่า ไม่มีแสงสว่างเพียงพอ ทั้งยังไม่มีกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ขณะนี้กำลังพิจารณาเพิ่มแสงสว่างถนนเข้ามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ รวมถึงติดตั้งกล้องวงจรปิดตามจุดเสี่ยงต่างๆ เพิ่มความมั่นใจให้ชาวบ้าน และนักศึกษาที่ใช้รถใช้ถนนช่วงกลางคืน ตนจะเดินทางเข้าไปสอบถามนักศึกษาทั้งสอง ถึงสภาพร่างกาย และจิตใจ ส่วนเรื่องการเยียวยานักศึกษาทั้งสอง ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว
“รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอแสดงความเสียใจต่อนักศึกษา และผู้ปกครองทั้งสอง นอกจากนี้ จะกำชับผู้นำท้องถิ่น เรื่องการอนุญาตใบครอบครองอาวุธปืน จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ว่า บุคคลที่มาขออนุญาตประกอบอาชีพอะไร พฤติกรรมส่วนตัว ซึ่งหากออกใบอนุญาตโดยไม่ตรวจสอบอย่างละเอียดจะเป็นช่องโหว่ ให้คนร้ายที่ต้องการมีปืนนำไปข่มขู่ หรือก่อเหตุร้ายในลักษณะดังกล่าว” ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวในที่สุด