พิจิตร - ผลกระทบจากฤดูน้ำหลาก สายน้ำน่านกัดเซาะริมตลิ่งเป็นแนวยาว ทำถนนเลียบแม่น้ำทรุดตัว รถบรรทุกปูนพลิกคว่ำตายแล้ว 1 ศพ
วันนี้ (16 ก.พ.) นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร สั่งการให้ นายพชร ศศิชาชยามร หัวหน้ายุทธศาสตร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายถนนริมแม่น้ำน่านบริเวณหลัง อบต.งิ้วราย อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร
หลังจากช่วงฤดูน้ำหลากปีที่ผ่านมา กระแสน้ำได้กัดเซาะตลิ่งจนตลิ่งพัง และส่งผลให้ถนนคอนกรีต -
ถนนลาดยาง ที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาเกิดพังทรุดตัวเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร เพื่อจะได้หาแนวทางหางบประมาณในการซ่อมแซมปรับปรุงแก้ไขให้ประชาชนได้ใช้ถนนดังกล่าวในการสัญจรไปมา
ซึ่งขณะกำลังตรวจสอบพื้นที่ก็ได้รับรายงานว่า ห่างจาก อบต.งิ้วราย ไปประมาณ 700 เมตร ถนนที่ถูกน้ำน่านกัดเซาะจนลอยอยู่ในอากาศทรุดตัว ทำให้รถบรรทุกปูน ที่กำลังจะนำไปส่งบริเวณที่มีการก่อสร้างบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ริมน้ำ ร่วงหล่นเกือบจะตกลงไปในแม่น้ำน่าน
นายพชร ศศิชาชยามร หัวหน้ายุทธศาสตร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร จึงได้เร่งประสานกับ นายไชยา สมถวิล นายอำเภอตะพานหิน และ พ.ต.ท.ชวลิต ศรีสน พนักงานสอบสวน สภ.ตะพานหิน และแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระยุพราชตะพานหิน ร่วมไปตรวจสอบช่วยเหลือ
เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุพบรถ10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 80-8399 พิจิตร ซึ่งเป็นรถบรรทุกปูน ของ หจก.มังกรทองคอนกรีต พลิกคว่ำตกจากถนนคอนกรีตเลียบแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก เขตหมู่ 7 ต.งิ้วราย อ.ตะพานหิน ขณะที่คนขับรถบรรทุกปูนติดอยู่ในซากรถ และเสียชีวิต
หน่วยกู้ภัยพุทไธสวรรย์ (ป่อเต็กตึ๊ง) จ.พิจิตร ต้องช่วยกันใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากที่เกิดเหตุ ทราบชื่อผู้ตาย คือ นายวิน รีน้อย อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 7 ต.ศาลายา อ.ชนแดน จ. เพชรบูรณ์ เบื้องต้นคาดว่า รถ 10 ล้อบรรทุกปูนน้ำหนักมากเกินไป จึงทำให้ถนนรับน้ำหนักไม่ไหวเกิดทรุดพัง จึงทำให้รถตกลงไปจนเป็นเหตุให้คนขับรถบรรทุกปูนเสียชีวิตดังกล่าว
และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร จึงได้เร่งทำหนังสือนำเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ซึ่งได้รับทราบถึงปัญหา และเกรงว่าอาจเกิดเหตุซ้ำรอย เนื่องจากถนนดังกล่าวมีประชาชนใช้สัญจรไปมา รวมถึงมีรถรับ - ส่งนักเรียน ก็ใช้เส้นทางนี้ จึงจะสั่งห้ามรถบรรทุกหนักใช้เส้นทางถนนเลียบแม่น้ำน่าน ที่ถูกน้ำกัดเซาะอย่างเด็ดขาด อีกทั้งจะให้ อบต. ที่มีพื้นที่รับผิดชอบทำป้ายประกาศเตือนและหาทางซ่อมแซมในจุดที่วิกฤตต่อไป
