ศูนย์ข่าวศรีราชา- “ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต” ให้ปากคำเพิ่มที่สำนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี คดีถูกกรรโชกทรัพย์, รีดทรัพย์ ด้าน อัยการจังหวัดชลบุรี เผยแม้เป็นคดีความผิดนอกราชอาณาจักร แต่เมื่อมีความผิดในประเทศไทย ก็ต้องรับโทษในประเทศไทยเช่นกัน
จากกรณีที่ น.ส.ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือ ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต ได้เดินทางไปฟ้องร้องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ่อทอง จ.ชลบุรี เมื่อเดือนมิถุนายน 2560ที่ผ่านมา เรื่องการถูกจดหมายข่มขู่ทางเว็บไซต์ให้ส่งเงินจำนวน 11 ล้านบาท ภายในเวลา 36 ชั่วโมง และหากไม่กระทำตามจะกล่าวหาใส่ร้ายทุกเรื่องเพื่อให้เสียชื่อเสียงจนไม่สามารถทำงานได้ โดยมีผู้ต้องหา 3 รายประกอบด้วย ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองสุข, นายวินัย และนายบอส (นามสมมติ) นั้น
ล่าสุดในวันนี้ (2 ก.พ.) น.ส.ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือ ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต พร้อมพยานอีก 2 ปาก ได้เดินทางมายังห้องประชุมอัยการจังหวัดชลบุรี เพื่อพบกับพนักงานสอบสวนสภ.บ่อทอง และเจ้าหน้าที่ สำนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี เพื่อให้สอบปากคำเพิ่มเติมกรณีเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.รสสุคนธ์ กองเกตุ หรือครูเงาะ ความผิดฐานกรรโชกทรัพย์, รีดทรัพย์, หมิ่นประมาท และนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานเพิ่มของการประกอบสำนวน ที่จะเป็นตามขบวนการว่าจะมีการฟ้องหรือไม่ฟ้อง
โดย ครูอ้อย เผยว่าการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ถึงคดีที่ครูเงาะ ที่ทำให้เกิดความเสียหายและถูกกรรโชกทรัพย์ จำนวน 11 ล้านบาท เพื่อให้สำนวนการสอบสวนเดินหน้าต่อ อย่างไรก็ตามไม่ได้คิดโกรธครูเงาะซึ่งเป็นลูกศิษย์ และยังคงความปรารถนาดีอยู่เหมือนเดิม
ขณะที่ นายชิงชัง โชติแสง อัยการจังหวัดชลบุรี เผยว่าการที่ครูอ้อย เดินทางมาให้ปากคำที่สำนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี แทนที่จะเดินทางไปยัง สภ.บ่อทอง จ.ชลบุรีก็เพราะคดีดังกล่าวถือเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร แต่มีความผิดในประไทย จึงต้องรับโทษในประเทศไทย เนื่องจากเว๊บไซต์ที่หมิ่นประมาท มีการจดทะเบียนในต่างประเทศ ดังนั้นผู้ที่มีแนวทางสอบสวน จึงเป็นอัยการสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว
" ซึ่ง อัยการสูงสุด ได้มอบหมายให้ผู้กำกับการ สภ.บ่อทอง ส่งเจ้าพนักงานพนักงานสอบสวนเข้าร่วมสอบปากคำเพิ่มเติม ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนครูเงาะ คาดว่าอีก 2 สัปดาห์จะเรียกมาสอบสวนเช่นกัน" นายชิงชัง กล่าว