เพชรบูรณ์ - คณะทำงานแก้ปัญหาที่ดินเขาค้อเชิญอีก 85 รีสอร์ตในเขตป่าสงวนฯ-นอกแปลง รอส.รับฟังข้อเสนอยอมรื้อถอนเอง หรือให้ดำเนินคดี เบื้องต้นพบเถ้าแก่ส่วนใหญ่ยืนยันขอสู้คดี ขณะที่รองผู้การฯ ย้ำกลางวง ถ้าสร้างเพิ่มอาจโดน ม.44 เหมือนภูทับเบิก
วันนี้ (1 ก.พ.) นายปกรณ์ ตั้งใจตรง นายอำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยคณะทำงานแก้ไขปัญหาพื้นที่เขาค้อ ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และป่าไม้ ได้เชิญเจ้าของรีสอร์ตใน 2 ตำบล คือ ต.เขาค้อ, ต.สะเดาะพง จำนวน 85 ราย ที่มีสิ่งปลูกสร้างอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาปางก่อ-วังชมภู และอยู่นอกแปลง รอส. แต่อยู่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ เนื้อที่ราว 1.2 แสนไร่เศษ เข้าชี้แจงที่ศูนย์อำนวยการประสานงานและแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก (ศอป.) อ.เขาค้อ
คณะทำงานฯ ได้เสนอทางเลือกให้เจ้าของรีสอร์ตดังกล่าวดำเนินการ 2 แนวทาง คือ 1. ยินยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปเอง 2. ปฏิเสธโดยพร้อมให้ถูกดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม เจ้าของ และตัวแทนรีสอร์ต-บ้านพักส่วนใหญ่ต่างเลือกข้อ 2 คือ ไม่ยินยอมรื้อถอนเอง และพร้อมจะถูกดำเนินคดี และมีเจ้าของรีสอร์ตบางรายพยายามเจรจาขอทางเลือกที่ 3 ด้วยการขอใช้พื้นที่ต่อ โดยอ้างเรื่องช่วยพื้นที่ป่าบนเขาค้อมาตลอด
นายปกรณ์แจ้งยืนยันว่า คณะทำงานฯ ชุดนี้ไม่มีอำนาจตัดสินใจ ให้รีสอร์ตทำหนังสือผ่านมาทางอำเภอฯ ซึ่งจะมีคณะกรรมการอีกชุดพิจารณา แต่ไม่รับปากว่าจะเป็นไปตามข้อเรียกร้อง
ด้าน พ.ต.อ.อารักษ์ อ่อนแย้ม รอง ผบก.ภ.เพชรบูรณ์ ยังได้แจ้งเจ้าของ และตัวแทนรีสอร์ตที่เข้าร่วมประชุมชี้แจงว่าขอให้หยุดยั้งการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมเพราะจะทำให้การแก้ไขปัญหายิ่งยากขึ้น และสุดท้ายอาจจะทำให้ทางราชการต้องใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นเหมือนกรณีภูทับเบิกที่มีการใช้อำนาจ ม.44 ซึ่งจำเป็นต้องเดินหน้ารื้อถอนกันอย่างเดียว
พ.ท.เกียรติอุดม นาดี ผบ.ม.พัน.28 ในฐานะเลขานุการคณะทำงานฯ กล่าวชี้แจงเพิ่มว่า ในข้อเท็จจริงรีสอร์ตเหล่านี้ทางเจ้าหน้าที่นำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายได้เลย แต่เพื่อให้โอกาสจึงย้อนมาสอบถามกันก่อน หากยินยอมรื้อถอนเองก็ไม่จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการนี้ ส่วนรีสอร์ตกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มรีสอร์ตในแปลง รอส.อีก 443 แปลง และกลุ่ม รสอ.ที่ผิดเงื่อนไข ก็อยู่ในข่ายถูกดำเนินการเช่นกัน เพียงแต่เงื่อนไขจะแตกต่างกันออกไป