xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงจรูญ” เปิดใจ พร้อมท้าฝ่ายคู่กรณีสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใครปั้นเรื่องหวย 30 ล้านขอให้ล่มจม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - “ลุงจรูญ” เปิดบ้านแถลงท้าฝ่าย “ครูปรีชา” รวมทั้งแม่ค้าและตำรวจสาบานต่อหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองกาญจน์ หากใครปั้นเรื่องหวย 30 ล้าน ขอให้ล่มจมทั้งครอบครัว วอน “บิ๊กตู่” ส่ง จนท.ที่เป็นกลางพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏ

วันนี้ (1 ก.พ.) ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการเกษียณตำรวจ นางลาวัลย์ วิมูล ภรรยา พร้อมด้วยนายศุภกร สุพรรณรังษี ทนายความ ตัวแทนของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เพื่อเยาวชน และสังคม เปิดบ้านพักส่วนตัวเลขที่ 299/110 หมู่บ้านศิริชัยวังสารภี หมู่ 8 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

หลังจากที่ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่เปิดแถลงข่าวสรุปความเห็นกรณีว่าลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2560 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงิน 30 ล้านบาทนั้น เป็นของนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี และจะมีการออกหมายเรียกให้ ร.ต.ท.จรูญไปรับทราบข้อกล่าวหาในข้อหา “ยักยอกทรัพย์ตกหล่น” และข้อหา “รับของโจร” ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว

ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า หลังจากฟังคำแถลงข่าวของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แล้วตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่จริงแล้วนั้นตนเป็นฝ่ายถูก แต่กลับถูกกระทำมาโดยตลอด จึงมีความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะเรื่องที่ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงออกมาว่าจะสั่งฟ้องตน ทั้งๆ ที่หลักฐานก็ยังไม่เพียงพอ ซึ่งสื่อมวลชนเองก็น่าจะเห็นเช่นกัน

“สำหรับการสั่งฟ้องทั้งสองข้อหา บอกตามตรงว่ายอมรับไม่ได้ เพราะผมเป็นคนซื้อและผมเป็นคนถูกรางวัลเอง จะยอมรับข้อกล่าวหานี้ได้อย่างไร และเราเชื่อว่าหลักฐานที่เขานำมาอ้างนั้นน่าจะเป็นการสร้างหลักฐานขึ้นมาเอง สำหรับหลักฐานที่เขาบอกว่ามีพยานบุคคลที่เห็นผมก้มเก็บเอาลอตเตอรี่ขึ้นมา ซึ่งหลักฐานตรงนี้ก็เช่นกัน ในเมื่อซื้อลอตเตอรี่มาเองแล้วจะมีหลักฐานดังกล่าวมาได้อย่างไร เพราะหลังจากที่ซื้อลอตเตอรี่แล้วผมก็เก็บเอาไว้ในกระเป๋า และไม่มีไปทำตกหล่นกลางทางอย่างแน่นอน และนอกจากซื้อจากแม่ค้าขายลอตเตอรี่ที่อยู่หลังศาลพระภูมิภายในตลาดเรดซิตี้แล้วก็ไม่ได้มีแม่ค้าคนไหนมาขายให้อีกเลย และก็ไม่ได้ไปซื้อเจ้าอื่นด้วย”

ร.ต.ท.จรูญกล่าวอีกว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ได้แถลงข่าวว่ามีพยานบุคคลเห็นตนเก็บลอตเตอรี่ได้ ตรงนี้ตนก็เชื่อว่าไม่มีและเป็นไปไม่ได้แน่นอน โดยหากเจ้าหน้าที่ต้องการหลักฐานที่ตนมีเพื่อขอให้นำไปโต้แย้งนั้น ตรงนี้ไม่มีเพราะหลักฐานที่มีอยู่ได้มอบให้กับทางทนายความไปหมดแล้ว แต่ตนไม่สามารถบอกได้ว่าหลักฐานดังกล่าวนั้นคืออะไร หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางทนายความเท่านั้น ซึ่งมีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถนำไปโต้แย้งและลบล้างข้อกล่าวหาได้อย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องที่ว่าเมื่อไปซื้อลอตเตอรี่และมีการพูดคุยอยู่กับแม่ค้า จำไม่ได้เลยหรือว่าหน้าตาของแม่ค้าคนดังกล่าวนั้นมีใบหน้าอย่างไร บอกตามตรงว่าตนจำหน้าแม่ค้าคนดังกล่าวไม่ได้จริงๆ รู้แต่เพียงว่าแม่ค้าคนดังกล่าวนั้นเป็นผู้หญิงเท่านั้น และไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าผมสั้นหรือผมยาว เพราะระหว่างที่เข้าไปซื้อตนก็เลือกหาเฉพาะเลขที่ต้องการเท่านั้น โดยไม่ได้สนใจเลยว่าแม่ค้าคนนั้น และตนไม่เคยมีแม่ค้าประจำ เมื่อต้องการเสี่ยงโชคถ้าเจอที่ไหนก็ซื้อตรงนั้น และที่ผ่านมาก็ไม่เคยจำหน้าแม่ค้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว และที่ผ่านมาหลังจากมีปัญหาเกิดขึ้นก็ไม่เคยมีแม่ค้าคนไหนเลยที่ออกมาบอกว่าตนซื้อลอตเตอรี่กับเขา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเรารู้ว่าแม่ค้าคนดังกล่าวอาจจะไปเป็นพยานให้กับฝั่งครูปรีชาไปแล้วก็ได้

ร.ต.ท.จรูญเล่าย้อนเรื่องราวให้ฟังว่า จริงๆ แล้ววันนั้นตนไม่ได้ตั้งใจที่จะไปซื้อสลากเลย แต่ตั้งใจไปตลาดกับภรรยาก็เพื่อต้องการไปซื้อกับข้าว แต่ฉุกคิดได้ว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันหวยออกก็เลยคิดว่าจะลองเสี่ยงโชคดู และตั้งใจไว้ว่าจะซื้อเลขท้าย 26 ในขณะนั้นเป็นเลขมงคล และไม่เคยคิดว่าจะต้องถูกรางวัลใหญ่ ขอเพียงถูกเลขท้ายสองตัวก็พอแล้ว ดังนั้นจึงเดินไปดูเลขที่แผงขาย เมื่อเจอเลขท้าย 26 ก็บอกกับแม่ค้าว่าต้องการเลขนี้ แม่ค้ายังบอกกับตนอยู่เลยว่าเลขนี้กำลังดัง แต่ตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเลขที่ตนจะซื้อนั้นดังมาก่อน แต่มันเป็นเลขที่ตนต้องการจะซื้อ จากนั้นแม่ค้าก็เป็นคนหยิบลอตเตอรี่ขึ้นมาให้ซึ่งเป็นเลขชุด 5 ใบที่อยู่ในซองพลาสติก ตนก็ถามไปว่าขายราคาเท่าไหร่ แม่ค้าก็บอกว่าราคา 700 บาท ตามที่ติดราคาเอาไว้ จากนั้นตนก็จ่ายค่ายลอตเตอรี่ไป 700 บาท ซึ่งเป็นแบงก์ละ 100 บาททั้งหมด จากนั้นตนกับภรรยาก็เดินไปหาซื้อกับข้าวต่อและก็เดินทางกลับบ้านทันที

สำหรับเรื่องที่พนักงานสอบสวนเรียกให้ไปพบกับครูปรีชาครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 60 ที่ ภ.จว.กาญจนบุรี ซึ่งทางครูปรีชาก็ได้แต่พูดว่าเราคงทำบุญร่วมกันมาจึงถูกรางวัล และจะแบ่งให้ตนแบบวิน-วิน ตนก็ไม่เข้าใจว่าอะไรแบ่งกันแบบวิน-วิน แต่ก็ไม่ได้พูดบอกว่าจะแบ่งกันคนละ 15 ล้านบาท เพียงแต่บอกว่าแบ่งกันแบบวิน-วินเท่านั้น วันนั้นเราเองก็ไม่ยอมอยู่แล้ว และได้แต่นั่งฟังเขาพูดเฉยๆ และไม่ได้พูดตอบโต้อะไร ได้แต่คิดอยู่ในใจว่าเราเป็นคนซื้อมาและถูกรางวัลจะมาแบ่งอะไรแบบวิน-วิน เป็นใครก็ไม่ยอม

แต่อย่างไรก็เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วอยากจะฝากบอกไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 ว่าตนรู้สึกซึ้งมากๆ ซึ้งในน้ำใจ เขาคงเห็นเราเป็นแค่ตำรวจเก่าๆ เขาเป็นตำรวจรุ่นใหม่ จึงรู้สึกซึ้งมาก และที่ผ่านมาตนพบในลักษณะนี้ตั้งแต่วันแรกจึงตัดสินใจเข้าไปหาทางกระทรวงยุติธรรม ไปพบทางเจ้าหน้าที่ DSI จนถึงขณะนี้ตนเชื่อตามที่ทนายษิทราบอกเอาไว้ว่าเป็นการกระทำที่เป็นขบวนการจริงๆ ตนเชื่ออย่างนี้จริงๆ เพราะไปพบมากับตัวเองแล้ว อยากจะเรียกร้องว่าขอให้หน่วยงานที่เป็นกลางจริงๆ ลงมาทำคดี ลงมาหาข้อมูลที่แท้จริงว่าใครเป็นคนผิดหรือใครเป็นคนถูกกันแน่ และไม่ต้องมาเชื่อตนแต่ขอให้ไปค้นหาความจริงให้มันปรากฏเท่านั้นพอ

ร.ต.ท.จรูญกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนยอมทำตามเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด เช่น การไปตรวจ DNA ผลก็ออกมาแล้ว และหากต้องการให้ไปเข้าเครื่องจับเท็จอีกครั้งหนึ่ง ตนก็พร้อมทุกเมื่อ ขอให้บอกว่ามาว่าจะให้ไปทำอะไร ทั้งนี้ อยากจะฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าขอให้ส่งหน่วยงานที่มีอำนาจและมีความยุติธรรมช่วยลงมาดูคดีนี้ด้วย และเพื่อความแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในฐานะที่เราเป็นคนไทย เป็นพุทธศาสนิกชนนับถือศาสนาพุทธ โดยในวันอาทิตย์ ที่ 4 ก.พ. 61 นี้ ตนและครอบครัวจะไปแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการไปสาบานต่อหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดกาญจนบุรี ว่าหากตนโกหก หรือปั้นเรื่องปั้นราวขึ้นมาก็ขอให้ครอบครัวของตนล่มจมไปเลย และการไปสาบานในครั้งนี้ก็อยากจะท้าฝ่ายตรงข้ามคือครูปรีชา รวมทั้งแม่ค้าขายลอตเตอรี่ที่เป็นพยาน หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าข้างฝ่ายตรงข้ามไปร่วมสาบานพร้อมกัน หากใครโกหกก็ขอให้ล่มจมเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามไปยัง พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบช.ภ.7 ทราบว่าวันนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการออกหมายเรียกให้ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ไปพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเป็นหมายแรกแล้ว

ส่วนทางด้าน พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้นำกำลังลงพื้นที่ตลาดสดเรดซิตี้ เพื่อติดตามหากล้องวงจรปิดตามที่ทางครูปรีชากล่าวอ้างว่ามี แต่ยังไม่พบกล้องดังกล่าวแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่พบเพียงแค่ขาเหล็กสำหรับติดกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ที่เสาไฟฟ้าบริเวณใกล้กับศาลพระพรหมเท่านั้น แต่แม่ค้าที่อยู่บริเวณดังกล่าวบอกว่ากล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ได้ถูกเก็บไปแล้วตั้งแต่ประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น