อุบลราชธานี - โลกโซเชียลจังหวัดอุบลราชธานีแชร์ภาพแม่วัวปกป้องลูก ถูกสัตว์ที่คาดเป็นกลุ่มสุนัขดุรุมขย้ำจนหางและหูขาด ทั้งลำไส้ทะลักออกมานอกลำตัว สุดท้ายเจ้าของต้องให้เพื่อนบ้านช่วยฆ่าแม่วัวให้พ้นทุกข์ ส่วนลูกวัวปลอดภัย หลังแม่ดึงสลักยึดตรึงจนหลุดทำให้ลูกวัววิ่งหนีฝูงสุนัขไปได้
ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุบลราชธานีรายงานว่า ในโลกโซเชียลมีการโพสต์ภาพแม่วัวพันธุ์ไทยพื้นเมืองสีน้ำตาล-ดำ ถูกกัดที่ใบหู และหางจนขาด ส่วนบริเวณท้องถูกกัดจนลำไส้ทะลักออกมานอกตัว นอนรอความตายอยู่กลางทุ่งนาบ้านหนองจอก ต.หัวเรือ อ.เมืองอุบลราชธานี โดยตั้งสมมติฐานว่าเป็นฝีมือของสุนัขต่างถิ่นที่เข้ามารุมกัด
จึงเข้าตรวจสอบพบเป็นแม่วัวของนางจันสี พะสุมาตร อายุ 51 ปี โดยเล่าว่า ช่วงหน้าแล้งจะนำวัวไปผูกเลี้ยงไว้ที่กลางทุ่งนา ห่างจากตัวบ้านประมาณ 300 เมตร เพื่อให้กินหญ้าและถ่ายอุจจาระลงในแปลงนาให้เป็นปุ๋ยธรรมชาติ โดยเมื่อเย็นวันที่ 29 ม.ค.ก็นำแม่วัวอายุประมาณ 10 ปี พร้อมลูกวัวอายุเกือบ 1 ปี ไปผูกล่ามไว้กับหมุดตามปกติ กระทั่งตกดึกได้ยินเสียงกลุ่มสุนัขเห่าแบบกระโชกเหมือนแย่งอะไรกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจ
กระทั่งรุ่งเช้ามาดูวัวที่ผูกล่ามไว้ก็พบมีบาดแผลถูกกัดที่หาง ที่ใบหูจนขาด ส่วนท้องก็ถูกกัดจนลำไส้ทะลักออกมา รวมทั้งตามสีข้างลำตัวมีรอยถูกข่วนของเล็บสัตว์ โดยแม่วัวอยู่ในสภาพอิดโรยนอนหมอบอยู่กับที่ ส่วนลูกวัวปรากฏได้หลุดออกจากหลักไม้ที่ใช้ยึดเชือกใช้สนตะพาย และเดินอยู่ใกล้บริเวณที่แม่วัวนอนเจ็บอยู่
หลังเกิดเหตุได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านหนองจอกทราบ และประเมินบาดแผลที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากรอยกัดของสุนัขขนาดใหญ่ที่มาจากต่างหมู่บ้าน เพราะในช่วงเช้ามีชาวบ้านที่ไปหาปลาข้างลำห้วยของหมู่บ้านพบสุนัขพันธุ์ต่างประเทศตัวใหญ่สีดำมีรอยเลือดเปื้อนตามลำตัว
คาดเป็นกลุ่มสุนัขที่พยายามจะเข้ามาทำร้ายลูกวัวที่ถูกล่ามไว้ข้างแม่วัว แต่แม่วัวได้เข้าขวางและดิ้นรนจนสลักไม้ที่ใช้ยึดกับดินหลุด ทำให้ลูกวัววิ่งหลบหนีไปได้ ส่วนแม่วัวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเข้าต่อสู้เพื่อช่วยลูกของตัวเองให้รอดชีวิตไปได้ จึงตัดสินใจให้เพื่อนบ้านช่วยฆ่าแม่วัวเพื่อไม่ให้ได้รับความทรมานจากบาดแผลที่เกิดขึ้น
นางจันสียังเล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดในหมู่บ้าน และคาดสุนัขที่มาก่อเหตุน่าจะเป็นของกลุ่มคนรวยที่มาปลูกบ้านอยู่ในหมู่บ้านถัดไป และมีการเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน และสุนัขอาจหลุดออกมาทำร้าย จึงมีการแจ้งเตือนชาวบ้านให้ช่วยกันเฝ้าระมัดระวังสัตว์เลี้ยงของตนเองให้ดีขึ้น โดยไม่ได้มีการแจ้งความเอาเรื่องเพราะไม่มีหลักฐานชัดเจน