ฉะเชิงเทรา - คนร้ายสวมชุดดำ บุกใช้อาวุธปืนเข้าจี้ชิงเงินสดจากธนาคารกรุงไทย ห้างเทสโก้โลตัส สาขาบางวัว ได้เงินกว่า 1 ล้านบาท คาดเป็นร้ายรายเดียวกับที่เคยก่อเหตุจี้ชิงเงินจากธนาคาร 2 แห่งในสาขาบางวัว เมื่อปี 2557 และ 2558 เนื่องจากรูปพรรณสันฐานใกล้เคียงกัน และยังมีลักษณะคล้ายคนขาเป๋
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ ( 31 ม.ค.) ร.ต.ท.หญิง กรรณิการ์ ชมภูยอด รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกจี้ชิงเงินสด ภายในธนาคารกรุงไทย สาขาห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส บางวัว ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายบางนา-ตราด (เทพรัตน) เลขที่ 99 ม.2 ต.บางวัว อ.บางปะกง ได้เงินจำนวน 1, 078,000 บา
ก่อนจะขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า CTX สีแดง-ดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ย้อนศรหลบหนีไปตามเส้นทางถนนสายบางนา-ตราด มุ่งหน้าไปทางกรุงเทพฯ หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ไปถึงพบบริเวณจุดเกิดเหตุ มีประชาชนจำนวนมากที่กำลังเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าภายในห้างฯ ที่กำลังอยู่ในอาการตื่นตกใจ โดยเจ้าหน้าที่ธนาคาร ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อเข้าไปภายใน พร้อมยังกันพื้นที่บริเวณด้านหน้าของธนาคารเอาไว้ และไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวนำภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบริเวณห้างฯ ไปเผยแพร่ ซึ่งในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย ไว้ได้อย่างชัดเจน
โดยพบว่าคนร้ายสูงประมาณ 165-170 ซม. รูปร่างสันทัด สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบปิดบังใบหน้า สวมเสื้อคลุมสีดำ กางเกงขายาวสีดำ สวมถุงมือสีดำและรองเท้าผ้าใบสีดำ และเดินเข้ามาภายในห้างฯ จากทางประทางเข้าที่ 2 ใกล้กับร้าน MK ก่อนจะเดินตรงมายังธนาคารที่ตั้งอยู่เยื้องประตูทางเข้าที่ 1 ประมาณ 35 เมตร จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาด จี้ชิงเงินจากหน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะเดินหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ คือ น.ส.วิไลวรรณ กองแก้ว อายุ 30 ปี พนักงานขายเสื้อผ้าแบรนด์เนม บอกว่าขณะกำลังเดินออกจากหน้าร้านไปเลือกซื้อกระเป๋าสตางค์ ได้เห็นคนร้ายสวมชุดคลุมสีดำทั้งชุดและสวมหมวกกันน็อกเข้ามา ภยในห้างฯ โ ก่อนจะใช้อาวุธปืนจี้ชิงเงินจากพนักงานของธนาคาร
นอกจากนั้นผู้สื่อข่าวยังได้รับรายงานว่า รูปพรรณสันฐานของคนร้ายราย มีส่วนใกล้เคียงกับคนร้ายซึ่งมีลักษณะขาเป๋ ที่เคยก่อเหตุบุกจี้ชิงเงินจากธนาคารทหารไทย สาขาบางวัว ถึง 2 ครั้งคือ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2557 ได้เงินจำนวน 7 แสนบาท และวันที่ 23 พ.ย.2558 ที่ธนาคารทหารไทยสาขาเดียวกัน ได้เงินจำนวน 1.5 ล้านบาท และในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ ได้เงินไปอีกกว่า 1 ล้านบาท
