ประจวบคีรีขันธ์ - ปัญหาช้างป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี นับวันปัญหายิ่งหนักขึ้น ออกมาบุกทำลายผลผลิตของเกษตรกรในพื้นที่บ้านย่านซื่อ เสียหายอย่างหนักโดยเฉพาะขนุนส่งออก ไร้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งที่ความเสียหายทำชาวบ้านเกือบหมดตัว ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ออกมาช่วยเหลือชาวบ้านไล่ช้างป่าบ้าง
วันนี้ (25 ม.ค.) นายประสิทธิ์ ขุนสมุทร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 บ้านย่านซื่อ พร้อมด้วยเจ้าของสวนขนุน และไร่สับปะรด บ้านย่านซื่อ ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลายครอบครัว ผู้นำท้องถิ่นพาสื่อมวลชนลงพื้นที่ดูสภาพความเสียหายของไร่ขนุนพันธุ์ที่มีชื่อเสียงทองมาเลย์ เพชรราชา และทองประเสริฐ ซึ่งขนุนพันธ์เหล่านี้ส่วนใหญ่เก็บผลผลิตส่งขายให้พ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อที่อำเภอสามร้อยยอด ส่งต่อไปยังประเทศจีน ถึงแม้ชาวบ้านจะมีการช่วยเหลือตัวเอง ด้วยการทำแนวรั้วที่ใช้แบตเตอรี่แรงต่ำขนาด 12 โวลต์ ป้องกันช้างป่าเข้ามากัดกินพืชไร่ที่ปลูกเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถทัดทานช้างป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรีได้
ป้าละม่อม เกษมสุขไพศาล อายุ 61 ปีเจ้าของสวนขนุน และไร่สับปะรด กล่าวว่า ช้างป่ามีความฉลาด จะออกจากป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ในช่วงเย็น หรือช่วงพลบค่ำ และเดินหากินเรื่อยมาตามแนวป่า และจะเริ่มเข้ากัดกินพืชไร่ทั้งขนุนพันธุ์ขึ้นชื่อ และสับปะรดในช่วงเวลากลางคืน โดยวิธีการช้างป่าจะใช้วิธีเหนี่ยวกิ่งขนุนที่อยู่ขอบสวนหักลงมาพาดรั้วไฟแบบเตอรี่แรงต่ำก่อน หลังจากนั้น จึงเข้าไปก็เลือกกัดกินขนุน โดยหากเป็นขนุนที่ยังไม่แก่ ช้างป่าจะหักเอาลงมากองทิ้งไว้ตามลำต้นบ้าง หรือลูกขนุนใหญ่หน่อยก็เหยียบให้แตกบ้าง ส่วนลูกไหนที่แก่ก็จะฉีกกิน
โดยพฤติกรรมข้องช้างป่า ขนุนที่หักลงมาแล้วหากไม่แก่ก็จะปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2-4 วัน เมื่อเริ่มส่งกลิ่นหอมช้างป่าก็จะกลับเข้ามาฉีกกินอีกครั้ง ชาวบ้านที่ปลูกทั้งขนุนทองมาเลย์ และขนุนพันธุ์ขึ้นชื่อต่างๆ กล่าวว่า ระยะหลังช้างป่าบุกมากัดกินผลผลิตทุกวัน ตั้งแต่ 5 ตัว 10 ตัว บางครั้งมีถึง 30 ตัว แล้วแต่ช่วง ความเสียหายแต่ละครั้ง 2 หมื่น-5 หมื่นบาทขึ้นไป แล้วแต่ราคาผลผลิตของขนุนที่ขึ้นลง ที่ผ่านมา ยอมรับว่าไม่รู้จะไปพึ่งใครเพราะไม่มีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาแต่อย่างใด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วบริเวณหมู่บ้านย่านซื่อ ระยะหลังเกิดปัญหาช้างป่ากัดกินพืชไรมาโดยตลอด
นายอนันต์ วงวาล อายุ 60 ปี เจ้าของสวนขนุน และไร่สับปะรด บ้านย่านซื่อ ซึ่งมีอาชีพทำการเกษตร เผยว่า ขอให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จัดเจ้าหน้าที่มาช่วยไล่ และต้อนช้างกลับเข้าป่าบ้าง ทุกวันนี้ชาวบ้านต้องช่วยเหลือตัวเองทำห้างเฝ้าช่างป่า กลางวันทำไร่ กลางคืนเฝ้าช้างหากเผลอหลับไปก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไร่สวนของตนเองที่ผ่านมาช้างป่าเคยเข้ามาหลายสิบตัวได้รับความเสียหาย จึงอยากฝากไปยังหน่วยงานภาครัฐให้เข้ามาช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านบ้าง
จากปัญหาที่เกิดขึ้นจากกรณีช้างป่าออกมากัดกินพืชผลทางการเกษตรจนได้รับความเสียหาย ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร จนนำไปสู้ความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการยิงช้างป่าพลายงางาม ล้มกลางร่องห้วย ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จนล่าสุด ทางชุดคลี่คลายคดีช้างป่าถูกยิง วิเคราะห์ และพบว่าเหตุที่เกิดขึ้นมาจากปัญหาความขัดแย้งคนกับช้างป่า ซึ่งพบข้อมูลว่าปีที่ผ่านมาช้างป่าลงมาทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านในแถบนี้หนักขึ้น
ดังนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้ว่าราชการการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนหน่วยงานเกี่ยวข้องควรต้องจัดการแก้ไขปัญหาคนกับช้างป่า อย่างมีระบบ และเป็นรูปธรรม ก่อนที่ปัญหาหาจะบานปลายไปมากกว่านี้ และจักต้องคำนึงแนวทางการแก้ไขปัญหายึดแหลักพระราชดำรัสในหลวง รัชกาลที่ 9 นำมาใช้ให้สมชื่อที่ถูกกล่าวขานกันว่า “กุยบุรีโมเดล”