xs
xsm
sm
md
lg

เปิดชีวิต...“พลทหาร” โคราชเสียงทอง ขับเสภาสุดไพเราะยอดวิวทะลุ 2 ล้าน ฝันสืบสาน “เพลงไทยเดิม” มรดกชาติ(ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พลทหารเกียรติศักดิ์ หรือ “ต้น” ร่มสันเทียะ  อายุ 27 ปี หนุ่มทหารเสียงทอง กับ คุณแม่ ติ๋ม  แก่นกระโทก วัย 60 ปี ณ บ้านเกิด ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เปิดชีวิต “พลทหาร” หนุ่มโคราชเสียงทอง สร้างปรากฏการณ์ขนลุกขับเสภา “วันกองทัพไทย” สุดไพเราะ ชาวโซเชียลฯ แห่ชื่นชมยอดวิวทะลุ 2 ล้าน เผยเป็นเด็กครอบครัวยากจนยอดกตัญญู หวังสืบสานเพลงไทยเดิมมรดกชาติให้คงอยู่สืบไป พร้อมดึงคนรุ่นใหม่เห็นคุณค่า เผยชอบดูลิเก ร้องเพลงไทยมาแต่เด็ก และมีครูคนแรกสร้างแรงบันดาลใจไปถึงฝันเข้ารับราชการในกรมศิลป์ ด้านแม่ภูมิใจพาลูกชายดูลิเกยันเช้าตั้งแต่อยู่ในท้อง พร่ำสอนถ่อมตน

ขับเสภา ถ่ายทอดตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในวันกองทัพไทย ณ สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 สุดไพเราะ สร้างปรากฏการณ์ขนลุกไปทั่วโลกโซเชียลมีเดีย
พลทหารเกียรติศักดิ์ ร่มสันเทียะ  อายุ 27 ปี สังกัด พัน.สพ.กระสุน 22 บชร.2 ค่ายสุรนารี ทภ.2
เป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลมีเดีย หลังเพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 โพสต์คลิปวิดีโอพลทหารเสียงทองขับเสภาสุดไพเราะ ถ่ายทอดตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในวันกองทัพไทยและวันกองทัพบก ณ สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 สร้างปรากฏการณ์ขนลุกและความประทับใจไปทั่วทั้งประเทศ ล่าสุดยอดชาวโลกโซเชียลฯ แห่เข้าชมพุ่งกว่า 2 ล้าน แชร์สนั่นกว่า 4 หมื่นครั้ง ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ พลทหาร เกียรติศักดิ์ หรือ “ต้น” ร่มสันเทียะ อายุ 27 ปี สังกัดกองพันสรรพาวุธ กระสุนที่ 22 (พัน.สพ.กระสุน 22) กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 (บชร.2) ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) นครราชสีมา ทำให้หลายต่อหลายคนใคร่อยากรู้จักตัวตนอันแท้จริงของหนุ่มพลทหารเสียงทองนายนี้ยิ่งนัก

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 294 หมู่ที่ 8 บ้านดอนไพล ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา หลังได้รับแจ้งจากต้นสังกัดกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 กองทัพภาคที่ 2 ว่า พลทหาร เกียรติศักดิ์อยู่ระหว่างพักฝึกเป็นเวลา 10 วัน กลับมาพักผ่อนที่บ้านเกิดแห่งนี้ ทันทีที่เดินทางไปถึงได้พบกับพลทหาร เกียรติศักดิ์ในชุดกีฬาทหาร รวมทั้งมารดา พี่สาว 2 คน และญาติพี่น้องกำลังนั่งล้อมวงกันรับจ้างแกะมะขามเปียกอยู่บริเวณหน้าบ้านปูนชั้นเดียวสภาพค่อนข้างเก่า มุงสังกะสี ฝาผนังก่อด้วยอิฐบล็อกก่อแบบง่ายๆ และบางส่วนเป็นสังกะสีเก่า ประตูหน้าต่างบ้านเริ่มผุพัง นับได้ว่าเป็นครอบครัวฐานะค่อนข้างยากจน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป
บ้านเกิดและอยู่อาศัยในปัจจุบัน
น้องต้นเมื่อยังเล็ก
พลทหาร เกียรติศักดิ์ หรือ “ต้น” ออกมาต้อนรับและนั่งพูดคุยเปิดใจกับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นกันเองด้วยบุคลิกที่เรียบร้อย สุขุม พูดจาน้ำเสียงไพเราะนุ่มนวล ว่า ตนมีพี่น้อง 3 คน โดยมีพี่สาว 2 คน และตนเป็นลูกชายคนสุดท้อง พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ฐานะครอบครัวค่อนข้างยากจน และพ่อมาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีที่ผ่านมา

ส่วนตนชอบร้องเพลงไทยเดิมมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ สมัยเด็กๆ แม่มักพาไปดูลิเกและปักหลักดูกันทั้งคืนยันสว่างทั้งครอบครัว เมื่อกลับบ้านตนก็จะหัดร้องเพลงเล่นในบ้าน ขณะเรียนอยู่ระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านดอนไพล บ้านเกิด ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันความเป็นเลิศทางวิชาการโดยการอ่านทำนองเสนาะ และครูเห็นแววมีความสามารถด้านนี้และชอบการร้องเพลงไทยเดิม จึงแนะนำให้ไปเข้าศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษา ที่วิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มาพบกับ อาจารย์สมพร ทองสีเขียว ผู้สอนขับเสภาคนแรกและเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการมุ่งมั่นใฝ่เรียน ขยัน ฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาความสามารถของตัวเอง และเริ่มใฝ่ฝันอยากเข้าทำงานเป็นข้าราชการ กรมศิลปากร

จากนั้นไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กรุงเทพฯ คณะศิลปศึกษา เอกคีตศิลป์ไทย หลักสูตร 5 ปี ได้พบอาจารย์ผู้สอนขับร้องเพลงไทย ซึ่งล้วนเป็นไอดอลของชีวิต ทั้ง อ.ทัศนีย์ ขุนทอง ศิลปินแห่งชาติ, อ.วัฒนา โกศินานนท์ และ อ.สุพัชรินทร์ วัฒนพันธ์ รวมถึง อ.ประคอง ชลานุภาพ
พลทหารเสียงทอง กับแม่และพี่สาวทั้ง 2 คน

หลังจบการศึกษาปริญญาตรีในปีการศึกษา 2556 ได้ไปเป็นครูอัตราจ้างที่ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อเริ่มมีรายได้จึงส่งให้พ่อแม่ใช้จ่ายเดือนละ 3,000 บาท พร้อมให้แม่หยุดทำงานหนักเพราะอายุมากแล้วตนรับปากส่งเงินไปเลี้ยงดูพ่อแม่เอง และทำเรื่องผ่อนผันการเข้ารับคัดเลือกทหารมาโดยตลอด

ต่อมาปี 2559 สามารถสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งคีตศิลปินปฏิบัติงาน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ได้สำเร็จ เริ่มบรรจุทำงานมาได้ประมาณ 1 ปี และหมดสิทธิ์ในการผ่อนผันเข้าเกณฑ์ทหาร จึงเข้ารับคัดเลือกทหาร จับได้ใบแดงเข้าเป็นทหารกองประจำการรับใช้ชาติในสังกัด พัน.สพ.กระสุน 22 บชร.2

โดยใช้สิทธิ์ลดวันรับราชการทหารด้วยวุฒิปริญญาตรีเหลือเป็น 1 ปี เข้ากองประจำการ 1 พ.ย. 2560 เป็นทหารรุ่นปี 2560 ผลัด 2 มีกำหนดปลดประจำการ 31 ต.ค. 2561 ซึ่งตอนนี้ได้ออกจากราชการกรมศิลปากรไว้ก่อน ปลดประจำการทหารค่อยกลับไปรับราชการเช่นเดิม
สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ปีการศึกษา 2556
ครูบาอาจารย์ ที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญ
การเข้ารับการฝึกเป็นทหารกองประจำการครั้งนี้ให้อะไรกับชีวิตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของระเบียบวินัย การฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายและความอดทน การทำงานเป็นทีม เป็นต้น และเมื่อมีเวลาตนจะฝึกร้องเพลงไทยเดิมอยู่เป็นประจำโดยเฉพาะเวลาเข้าห้องน้ำ จนผู้ใหญ่ในหน่วยทหารทราบจึงเมตตาให้ไปขับเสภาถ่ายทอดตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในงานวันกองทัพไทย และถูกนำคลิปไปโพสต์ในเพจกองทัพภาคที่ 2 ปรากฏเป็นข่าวโด่งดังทางโซเชียลมีเดียชนิดถล่มทลายอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนและรู้สึกดีใจมาก

พลทหาร เกียรติศักดิ์เล่าต่อว่า แม้ครอบครัวตนมีฐานะยากจน แต่พ่อกับแม่ได้ต่อสู้ดิ้นรนส่งเสียให้เรียนตามที่ลูกชายชื่นชอบและใฝ่ฝัน ช่วงไปเรียนที่วิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมาได้เงินเป็นค่าอยู่ค่ากินพร้อมค่ารถไปกลับแค่สัปดาห์ละ 350 บาทเท่านั้น วันนี้ความฝันที่อยากเข้าทำงานเป็นข้าราชาการในกรมศิลปากรตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเป็นจริงแล้ว

จากนี้ไปความฝันอันยิ่งใหญ่คือ ต้องการสืบทอดเพลงไทยเดิม มรดกทรงคุณค่าของชาติไทยให้คงอยู่สืบไป รวมทั้งดึงคนรุ่นใหม่ให้เห็นคุณค่าและความสำคัญหันกลับมานิยมเพลงไทยมากขึ้น เฉกเช่นในอดีตที่เคยเป็นยุครุ่งเรืองมาแล้ว เพราะเพลงไทยเดิมมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ทุกเพลงมีที่ไปที่มา มีเสน่ห์ และความโดดเด่นในตัว

การปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการ คีตศิลปินปฏิบัติงาน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
ทางด้าน นางติ๋ม แก่นกระโทก วัย 60 ปี แม่พลทหารเสียงทอง กล่าวว่า ภูมิใจและดีใจกับลูกชายอย่างมาก ขอให้ลูกเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป และเชื่อว่าดวงวิญญาณพ่อเขาคงได้รับรู้และภูมิใจกับลูกชายคนนี้เช่นกัน นางติ๋มยังเล่าความหลังให้ฟังว่า ตอนตั้งท้องน้องต้นแม่ชอบดูลิเกมาก จึงอุ้มท้องไปดูลิเกที่มาเปิดแสดงที่หมู่บ้านจนสว่างคาตา และตอนลูกชายยังเล็กก็มักพาไปดูลิเกอยู่เป็นประจำ เชื่อว่าน่าจะซึมซับทำให้ชอบร้องเพลงไทยเดิมเช่นนี้ และเมื่อกลับมาบ้านลูกชายก็ชอบร้องเพลงอยู่คนเดียว ทุกวันนี้ทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมบ้านก็ยังมาร้องเพลงให้แม่ฟัง หรือไม่ก็เปิดโทรศัพท์ที่บันทึกเสียงที่ตัวเองร้องไว้ให้แม่ฟัง

ทั้งนี้ สิ่งที่เน้นย้ำสอนลูกชายอยู่เสมอคือ ให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณ







กำลังโหลดความคิดเห็น