บุรีรัมย์ - ทายาทและสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์การเกษตรสตึก จ.บุรีรัมย์ แห่แจ้งความเอาผิดสมาคมฯ เบี้ยวเงินค่าจัดการศพกว่า 10 ล้านต่อเนื่อง ทั้งบุกทวงถามที่ สนง.แต่ไร้เงาพนักงานมาปฏิบัติหน้าที่ ด้านสหกรณ์การเกษตรสตึก อ้างไม่เกี่ยวข้องรู้เห็นกับสมาคมฯ พร้อมแจ้งให้ย้าย สนง.ออกแล้ว ขณะที่ ตร.ออกหมายเรียกนายกและกรรมการรับทราบข้อกล่าวหาวันนี้
วันนี้ (22 ม.ค.) ทายาทผู้รับผลประโยชน์ และสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์การเกษตรสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกทางสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ดังกล่าว เบี้ยวไม่จ่ายเงินสินไหมทดแทน หรือค่าจัดการศพ ให้แก่ทายาทของสมาชิกที่เสียชีวิตรายละกว่า 130,000 บาท รวมกว่า 150 ราย เป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท ได้ทยอยนำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สตึก อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เอาผิดกับนายก และคณะกรรมการสมาคมฯ ฐานฉ้อโกงประชาชน และเปิดสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์การเกษตรสตึก สาขา 2 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน
ทั้งนี้ ทายาทบางคนได้เดินทางเข้าไปทวงถามเงินค่าจัดการศพที่สำนักงานสมาคมฯ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสหกรณ์การเกษตรสตึก จำกัด อย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่กลับไม่พบพนักงานมาปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใดมีเพียงสำนักงานว่างเปล่า เชื่อว่าน่าจะมีเจตนาหลบหน้า เมื่อสอบถามข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่สหกรณ์ทราบข่าวไม่มีคนมาทำงานเป็นสัปดาห์แล้ว จากปกติมีเจ้าหน้าที่การเงินและฝ่ายบัญชีมาทำหน้าที่เก็บเงินสงเคราะห์ล่วงหน้ารายปีจากสมาชิก
ทางด้านสหกรณ์การเกษตรสตึก จำกัด ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นใดๆ กับทางสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ส่วนที่มาตั้งสำนักงานภายในสหกรณ์นั้น เป็นการเช่าสถานที่เดือนละกว่า 3,000 บาท แต่ที่ผ่านมาทางสมาคมไม่ได้จ่ายค้างค่าเช่ามากว่า 1 ปีแล้วอ้างว่าขาดสภาพคล่อง
ส่วนที่มีการตั้งชื่อสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์การเกษตรสตึกนั้น อาจตั้งโดยพละการเพื่อต้องการสร้างความเชื่อถือแก่ผู้ที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกซึ่งขณะนี้ทางสหกรณ์ได้แจ้งให้ทางสมาคมฯ เปลี่ยนชื่อ และย้ายที่ตั้งสำนักงานออกแล้ว เพื่อไม่ให้สังคมเข้าใจผิดว่าสมาคมฯ เป็นของสหกรณ์และมีส่วนเกี่ยวข้อง
ด้านนายสายฝน ลังไธสง อายุ 46 ปี หนึ่งในทายาทที่ไม่ได้รับเงินจากทางสมาคมฯ ได้ระบุภายหลังเข้าแจ้งความว่า พ่อได้สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ดังกล่าวมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง และได้จ่ายเงินสงเคราะห์ล่วงหน้ารายปีมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีแล้ว เฉลี่ยปีละ 4,500 ราย แต่พอพ่อเสียหายเมื่อ 2 เดือนก่อน ตนซึ่งเป็นทายาทผู้รับประโยชน์ได้มาติดต่อขอรับเงินสินไหมหรือค่าจัดการศพกับทางสมาคมฯ ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอดอ้างว่ายังไม่มีเงินจ่ายให้รอก่อน
ทางครอบครัวจึงจำเป็นต้องกู้ยืมเงินมาเป็นค่าทำศพให้พ่อก่อน ทำให้ต้องเป็นหนี้สินเพิ่มอีก ทั้งที่จุดประสงค์ของพ่อที่สมัครเป็นสมาชิกฯ เพราะไม่ต้องการให้ลูกหลานลำบากต้องไปกู้ยืมเงินมาจัดงานศพ ซึ่งเคยได้ยินพ่อบอกกับทางคณะกรรมการฯ ก่อนตายไม่นานว่า “อย่าโกงกันนะ” แต่ไม่คิดว่าทางสมาคมฯ จะมาเบี้ยวเงินคนตายแบบนี้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน และหากเป็นไปได้อยากให้สมาคมหาเงินมาจ่ายคืนสมาชิกด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.บุญศักดิ์ ชิดสงวน รองผู้กำกับการ สภ.สตึก ที่ดูแลคดีดังกล่าวให้ข้อมูลว่า วันนี้จะได้ออกหมายเรียกทั้งนายกสมาคม พร้อมคณะกรรมการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ทั้ง 8 คน เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน และเปิดสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สาขา 2 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน แต่หากไม่มาตามหมายเรียกครบ 3 ครั้งจะขออนุมัติศาลออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป
