ศูนย์ข่าวศรีราชา- “ชลบุรี” บูรณาการ 4 มาตรการหลัก ล้อมคอกปัญหาความปลอดภัยทางทะเลอย่างยั่งยืน หลังเกิดอุบัติเหตุทางเรือในพื้นที่ภาคใต้ จนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยรวม
วันนี้ (19 ม.ค.) นายชัยชาญ เอี่ยมเจริญ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี, สำนักงานเจ้าท่าพัทยา, อำเภอบางละมุง, เมืองพัทยา, ตำรวจท่องเที่ยว, ฐานทัพเรือสัตหีบ รวมถึงผู้ประกอบการเรือโดยสารขนาดเล็ก หรือ Speed Boat ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อชี้แจงและหารือแนวทางการป้องกันปัญหาการเกิดอุบัติภัยทางทะเล ณ โรงแรมเฟิร์สแปซิกฟิก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเกิดปัญหาเรือโดยสารขนาดเล็ก หรือเรือสปีดโบ๊ท ใน จ.ภูเก็ต ระเบิดกลางทะเล รวมถึงเหตุการณ์เรือชนกันที่ จ.กระบี่ ซึ่งทั้ง 2 กรณีได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และยังเป็นผลพวงที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของภูมิภาคและประเทศเป็นอย่างมาก
นายชัยชาญ กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่ามีเกิดจากความเลินเล่อของคนประจำเรือ ที่จอดซ่อมเรือโดยสารซึ่งเกิดปัญหาน้ำมันรั่วไหลกลางทะเล ทั้งๆที่มีนักท่องเที่ยวอยู่จำนวนหนึ่ง จนทำให้เกิดการปะทุของไฟที่เป็นเชื้อเพลิงไวไฟแบบเบนซิน จนเกิดการระเบิด ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก และยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวทางทะเลของประเทศอย่างมหาศาล
" และด้วยความเป็นห่วงของรัฐบาลที่มองว่าเมืองพัทยา เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่มีนักท่องเที่ยวนิยมใช้บริการเรือสปีดโบ๊ทข้ามฟาก เฉลี่ยวันละหลายพันคน จึงต้องมีการหารือร่วมทุกภาคส่วน เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจัง โดยจะต้องไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ที่เมืองพัทยา ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนเป็นจำนวนมาก และจากการบูรณาการร่วมกัน ก็พบว่าสามารถป้องกันอุบัติเหตุทางทะเลได้ 100 %" นายชายชาญ กล่าว
ด้าน นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าพัทยา กล่าวว่า กรมเจ้าท่า ได้ประกาศกฎกระทรวงในการกำหนดมาตรฐานการเดินเรือ และเครื่องเล่นทางทะเลทุกชนิดในพื้นที่เมืองพัทยา ตามที่เรียกกันว่า “พัทยาโมเดล” เพื่อระบุมาตรฐานเรือ คนขับ เส้นทางเดินเรือ โซนการเข้าออก และความเร็ว รวมทั้งการติดตั้งทุ่นและระบบกล้องและวิทยุสื่อสารเพื่อป้องกันปัญหา โดยมีเจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วนเข้าร่วมกำกับดูแล ทำให้การท่องเที่ยวทางทะเลของเมืองพัทยา ไม่มีปัญหาเรื่องของอุบัติเหตุทางทะเลมากนัก
"สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นในภาคใต้ จะต้องมีมาตรการเสริม และการขอรับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆเพื่อเข้ามาร่วมกันกำกับดูแลเพิ่มขึ้น รวมทั้งในส่วนของผู้ประกอบการเรือที่มีอยู่จำนวนกว่า 800-1,000 ลำ ให้ปฏิบัติตามมาตรการและข้อกำหนดที่จะระบุไว้เพื่อลดปัญหาอย่างถาวรและยั่งยืน "
โดยจากนี้กรมเจ้าท่า จะมีการกำหนดและยกระดับความปลอดภัยทางน้ำของเรือโดยสารใน 4 แนวทาง หลักคือ 1.ด้านการปฏิบัติ ที่จะสแกนเรือทุกลำในเรื่องความมั่นคงแข็งแรง ความพร้อมของเครื่องยนต์ อุปกรณ์เดินเรือ และความถูกต้องของเอกสารประจำเรือ
2.การสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำ ด้วยการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ ผู้ควบคุมเรือ โดยจะเน้นให้มีการตรวจความพร้อมเรือทุกครั้งก่อนนำออกไปให้บริการ รวมทั้งการจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่อตรวจสภาพเครื่องยนต์เก่าที่มีปัญหา และการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัด อาทิ การสวมใส่เสื้อชูชีพ และการรับปริมาณนักท่องเที่ยวในอัตราที่กำหนด
3.การบังคับใช้กฎหมาย ที่จะมีการจัดกำลังชุดเฉพาะกิจจากการบูรณาการร่วมในการตรวจสอบเรือในทุก 1 เดือน และการออกตรวจสอบในพื้นที่สัญจรทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ
และ 4.ด้านการยกระดับมาตรฐานเรือโดยสาร ด้วยการกำหนดเครื่องยนต์ที่เหมาะสมกับขนาดของเรือ การประกาศเขตควบคุมเรือในความเร็วที่เหมาะสม และการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ควบคุมเรือ ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะมีการกำหนดชุดปฏิบัติงานและการปฏิบัติงานจริงภายในเร็ววันนี้เพื่อลดปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
