น้ำตาตก! หนุ่มช่างหินขัดบุรีรัมย์ร้องซื้อรถมือสองผ่อนไฟแนนซ์ ถูก ตร.ตามยึดหาว่าเป็นรถขโมยมา

บุรีรัมย์ - หนุ่มช่างหินขัดบุรีรัมย์งง ซื้อรถยนต์มือสองผ่อนไฟแนนซ์ แต่ถูกตำรวจตามมายึดรถหาว่าเป็นรถขโมยมา ทั้งที่ผ่านขนส่งและผ่อนไฟแนนซ์ น้ำตาตก เจ้าของรถมาขับไปต่อหน้า

วันนี้ (16 ม.ค.) นายศรชัย สายศ อายุ 45 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ร้องผ่านสื่อ หลังจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบของทางราชการ และอยากให้มีการตรวจสอบทุกขั้นตอน เพราะทำให้ตนเองได้รับความเดือดร้อนและไม่อยากให้เป็นแบบอย่าง

นายศรชัยเล่าว่า เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2560 ปีที่ผ่านมาตนได้ซื้อรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น D4D ทะเบียน บฉ 6297 มหาสารคาม จากพ่อค้ารถรายหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ในราคา 180,000 บาท แต่ตนไม่มีเงินสด จึงติดต่อขอเข้าไฟแนนซ์กับบริษัทไมด้าฯ ขอกู้เงินจำนวน 170,000 บาท อีก 10,000 บาทได้ขอค้างไว้กับพ่อค้ารถ หลังตกลงกับบริษัทได้ตรวจสอบประวัติและทำสัญญาเช่าซื้อ ก่อนจะเอารถไปตรวจสภาพที่ขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วย้ายปลายทางมาใช้ทะเบียนบุรีรัมย์ ประมาณ 7 วัน บริษัทตรวจสอบครบถ้วนก็อนุมัติเงิน แล้วได้เอารถมาขับใช้งานตามปกติ โดยผ่อนกับบริษัทเดือนละ 5,380 บาท และได้เริ่มผ่อนชำระค่างวดไปแล้ว 1 งวด


ต่อมาเมื่อเดือนธันวาคม 2560 ขณะที่ตนกำลังเติมน้ำมันอยู่ในปั๊ม ได้มีตำรวจนอกเครื่องแบบของ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จู่โจมเข้ามาขออายัดรถอ้างว่าเป็นรถที่แจ้งหายไว้ที่ จ.ขอนแก่น ตนตกใจและรู้สึกงงมากเพราะซื้อรถมาถูกต้อง ผ่านกระบวนการของกรมการขนส่งทางบกจนบริษัทไฟแนนซ์รับโอนได้ตามปกติ แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ยึดเอาไปง่ายๆ จากนั้นตำรวจได้นำรถไปไว้ที่ สภ.เมือง โดยตำรวจชุดสืบสวนได้นำเอกสารการแจ้งหายไว้ที่ สภ.ขอนแก่นมาให้ดูว่ามีการแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2560 ตนก็จำเป็นต้องรับฟัง และเจ้าของรถได้มารับรถกลับคืนไปต่อหน้าต่อตา

นายศรชัยบอกด้วยว่า ตอนนี้งงไม่หาย โดยเฉพาะหลักฐานการแจ้งความที่มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการอายัดทะเบียน จนล่วงเลยมากว่า 2 เดือน นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่แจ้งหายได้แจ้งกล่าวหาน้องชายตัวเองฐานยักยอกทรัพย์ และทั้งสองพี่น้องลงนามเป็นผู้แจ้งทั้งสองคนอีกด้วย ตอนนี้ตนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่มีรถออกไปทำงานรับเหมาหินขัด ถูกชาวบ้านมองว่าไปเอารถขโมยมาขับ อีกทั้งยังต้องเป็นหนี้บริษัท จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบให้ละเอียด


สอบถาม นายต้นตระการ แก้วศรี อายุ 37 ปี เจ้าของอู่รถแห่งหนึ่งใน อ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นคนซื้อรถมาจากจังหวัดขอนแก่น บอกว่า ตนซื้อรถมาอย่างถูกต้อง คือมีหลักฐานของเจ้าของรถ เล่มทะเบียนรถ และตัวรถ โดยก่อนจะซื้อยังได้ตรวจสอบสถานะที่ขนส่งว่าถูกต้อง รถไม่ได้ถูกอายัด ตนก็ซื้อมา ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พบปัญหาลักษณะนี้

ด้าน นายสุเทพ นิติวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุในกรณีดังกล่าวว่า การซื้อขายรถทั่วไปหากผู้ซื้อได้หลักฐานชุดโอน ซึ่งประกอบด้วยสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถ, ใบมอบอำนาจ, เล่มทะเบียนรถและตัวรถ ถือว่าเป็นเจ้าของรถ แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์จะต้องนำไปจดแจ้งต่อนายทะเบียนขนส่ง ส่วนการโอนรถจะต้องนำรถมาตรวจสอบสภาพที่สำนักขนส่งแต่ละแห่ง โดยจะมีช่างตรวจสภาพรถที่เชี่ยวชาญตรวจสอบว่ารถถูกต้องหรือไม่ ก่อนจะไปโอนกับฝ่ายทะเบียนรถในสำนักงานขนส่งกรณีนี้ได้มีการโอนเข้าไปบริษัทไฟแนนซ์เรียบร้อย ถือว่าผ่านการตรวจสภาพสมบูรณ์

ส่วนจะผิดพลาดในขั้นตอนไหนจะต้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ ส่วนขนส่งได้ทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว