กาญจนบุรี - ผู้ประกอบการเมืองกาญจน์ กระตุ้นภาครัฐ เร่งเดินเครื่องอภิมหาโครงการทวายโปรเจกต์ หลังเงียบมากว่า 2 ปี หากโครงการนี้สำเร็จจะเป็นประตูเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งใหม่ของโลกตะวันตก และตะวันออก
นายประจักษ์ บัวซ้อน กรรมการผู้จัดการบริษัท ริเวอร์แคว อินเตอร์เนชั่นแนล อุตสาหกรรมอาหาร จำกัด บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าทางด้านการเกษตรที่ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศรายใหญ่ เปิดเผยว่า โครงการทวาย เป็นโครงการยุทธศาสตร์เชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจจากภาคตะวันตกสู่ภาคตะวันนออกของภูมิภาค ซึ่งจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม ด้านขนส่ง ด้านแรงงาน ทั้งในประเทศ และทั่วภูมิภาค
ณ วันนี้โครงการทวาย ฝั่งประเทศพม่า มีการเคลื่อนตัวช้ามาก โครงการได้หยุดก่อสร้างมากว่า 2 ปีแล้ว ขณะนี้ยังรอโครงการก่อสร้างถนนลาดยาง จากบ้านพุน้ำร้อน ไปยังเมืองทวาย ระยะทางประมาณ 132 กม. ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการอนุมัติการก่อสร้าง และการจัดสรรงบประมาณ ปัจจุบันยังเป็นถนนลูกรังบดอัดอยู่ ทำให้การเดินทางหน้าฝนไม่ค่อยสะดวก
ด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน ซึ่งได้มีการยกระดับจากจุดผ่านแดน ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี 70 กม. ที่ผ่านมา มีปริมาณการนำเข้าและส่งออกไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าและส่งออกเพื่อใช้ในกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ และชุมชนใกล้เคียงสำหรับในการอุปโภคบริโภค รวมทั้งมีวัสดุก่อสร้างบ้างเท่านั้นแต่ไม่มากนัก แต่ส่วนใหญ่กลับพบว่า มีผู้ใช้แรงงานเข้าออกจากจุดนี้เป็นหลัก
สำหรับความคืบหน้าด้านการก่อสร้างด้านต่างๆ ตั้งแต่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เริ่มมีการเซ็นสัญญาการก่อสร้างเมื่อต้นปี 2560 รวมถึงถนน และสาธารณูปโภค และได้มีการจัดผังพื้นที่หน่วยราชการต่างๆ ไว้ใช้ในการบริการ สำหรับธุรกรรมการนำเข้าและส่งออก รวมถึงการเตรียมพร้อมด้านการเดินทางเข้าออกไปยังประเทศพม่า คาดว่าการก่อสร้างเสร็จภายในไม่เกินปลายปี พ.ศ.2562
สำหรับในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษที่ได้กันพื้นที่ไว้ของกรมธนารักษ์ พื้นที่ประมาณ 8,000 ไร่ ขณะนี้ ได้มีการแบ่งส่วนไปยังการใช้พื้นที่ของภาคราชการ พื้นที่ของประชาชนที่อยู่เดิม และพื้นที่ของภาคอุตสาหกรรมประมาณ 3,000 ไร่ ซึ่งในความคืบหน้าของพื้นที่ภาคอุตสาหกรรม กรมธนารักษ์ จะต้องเปิดประมูลให้ภาคเอกชนเข้าประมูลบริหารจัดการด้านสาธารณูปโภค ถนน น้ำประปา และไฟฟ้า
การแบ่งพื้นที่เพื่อนำมาจัดสรรให้ผู้สนใจลงทุนการก่อสร้างโรงงานเข้าเช่าพื้นที่ต่อ ซึ่งกรมธนารักษ์ กำลังจัดเตรียมเพื่อประมูลให้ภาคเอกชนที่สนใจเข้าประมูลโดยเสนอรูปแบบโครงการ และประสบการณ์จากที่เคยทำงานด้านการพัฒนาพื้นที่เชิงอุตสาหกรรม รวมถึงแผนการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว
ด้าน นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมกาญจนบุรี และเลขาธิการสภากลุ่มภาคกลางตอนล่าง 1 กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี นายสรรเพชร กล่าวว่า สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่จะมีผลต่อโครงการ และการพัฒนาของทั้งสองฝั่ง เรื่องแรกคือ เรื่องถนนของทางฝั่งพม่า หากมีการก่อสร้างขึ้นจะทำให้สะดวกในการเดินทางของทั้งสองฝ่าย การท่องเที่ยวจะเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาล เพราะฝั่งพม่ามีทะเลที่สวยงาม และหาดที่ยาวกว่า 1 กม. หากถนนลาดยางเสร็จการเดินทางจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง จากฝั่งไทยไปที่ทะเลอันดามันของฝั่งพม่า และจะมีการขนส่งที่สะดวกสำหรับการนำเข้าและส่งออกของสินค้าอุปโภคบริโภค หรือรวมสินค้าของทั้งสองฝั่ง เพราะทำให้ต้นทุนการขนส่งไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับปัจจุบันที่ถนนไม่สะดวกมากในการขนส่งสินค้าที่มีปริมาณมากๆ มีความสูงชันบางช่วง และผิวถนนไม่เรียบ
และเรื่องการส่งออกสินค้าจากฝั่งไทยไปยังพม่า ยังมีข้อจำกัดสินค้าบางประเภท และบางรายการที่ไม่สามารถส่งออกได้ เนื่องจากติดระเบียบสินค้าเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง หรือระเบียบด้านสินค้าประเภทเกี่ยวกับยุทธปัจจัย ซึ่งควรที่จะวางระเบียบมาตรฐานให้เหมาะสมเรื่องหลักเกณฑ์มาตรฐานของจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นมาตรฐานเดียวทั่วประเทศ รวมถึงกำหนดระยะเวลาในด้านเอกสาร การตรวจปล่อย การควบคุม หากนำมาตรฐานของด่านศุลกากรมาใช้เป็นระเบียบเดียวกันและหลักเกณฑ์เดียวกันกับทุกด่านทั่วประเทศ น่าจะเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าในการส่งออกได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ทางภาคเอกชนอยากให้มีการสนับสนุนเรื่องการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่พุน้ำร้อน คือ เรื่องกฎระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการลงทุนในเรื่องข้อจำกัดการเข้าไปลงทุน เพราะมีเรื่องกฎหมายของพัสดุจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยราชการ ต้องจัดสรรหาผู้ประมูลเพื่อนำเสนอโครงการบริหารพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งก็อาจจะไม่มีผู้สนใจมาประมูลก็ได้ หากผู้ลงทุนเห็นว่ายังมีศักยภาพไม่พอ
การลงทุนด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานควรจะมีเจ้าภาพในเรื่องการวางผัง การทำถนน หรือไฟฟ้าเข้าไป และแบ่งโซนพื้นที่เพื่อให้เอกชนสามารถทำสัญญาการเช่า หรือจะต้องมีเจ้าภาพที่ชัดเจน เช่น รัฐบาล หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในการใช้งบเพื่อเสริมสร้างให้ผู้ประกอบการรายกลาง และรายย่อยสามารถเข้าไปประกอบธุรกิจ และทำโรงงานในพื้นที่การส่งเสริมได้ง่ายและสะดวกขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้หากขาดการผลักดันจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง การบรรลุเป้าหมายกระจายความมั่งคั่งสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริงก็ยากที่จะเกิดขึ้น