xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตำรวจ” ตั้ง 3 ทีมสางคดีใช้ไรเฟิลฆ่าช้างป่ากุยบุรี พร้อมสแกนจุดลงมือเหนี่ยวไก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ประจวบคีรีขันธ์ - ตั้ง 3 ทีมคลี่คลายคดีช้างป่ากุยบุรี ถูกยิงด้วยไรเฟิลล้มในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี รอผลพิสูจน์หัวกระสุนพรุ่งนี้ ด้านกำนันตำบลหาดขาม ประกาศใครรู้เบาะแสขอให้แจ้งได้ทันที พบข้อมูลพื้นที่ป่ากุยบุรี ช้างป่าล้มแล้ว 22 ตัว ย้ำขอให้ยึดแนวการแก้ไขปัญหาคนกับช้างป่า ยึดหลักแนวพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีช้างป่างางาม หรือเจ้าด้วน โดยพบซากล้มที่บริเวณลำห้วยในป่าเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี บริเวณหมู่ 8 บ้านพุบอน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา สัตวแพทย์หญิงกนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญ พร้อมทีมสัตวแพทย์ ได้ผ่าซากพบกระสุนปืนไรเฟิลที่ขมับเหนือเบ้าตาซ้าย ลึก 5 นิ้ว และกระสุนปืนลูกซองที่สะโพกซ้ายบริเวณผิวหนังช้าง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม ส่วนชิ้นเนื้อบริเวณหลอดลมชั้นต้นที่พบการอักเสบบวมแดงอย่างรุนแรง พร้อมทั้งอาหารที่หลงเหลือในกระเพาะ ทีมแพทย์ได้นำตัวอย่างชิ้นเนื้อทั้งหมดส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จ.นครปฐม วันนี้

ล่าสุด วันนี้ (15 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านยางชุม ได้นำหัวกระสุนไรเฟิล และหัวกระสุนลูกซองเบอร์ 12 นำส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภาค 7 จ.นครปฐม เพื่อหาข้อมูลว่าจะยิงออกมาจากปืนชนิดใด เพราะสามารถยิงได้จากปืนไรเฟิล และอาวุธปืนอื่นๆ ด้วย ขณะที่ พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 ชุด เพื่อเร่งคลี่คลาย โดยใช้ สภ.บ้านยางชุม เป็นวอร์รูมสำหรับการติดตามคดี พร้อมทั้งได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อคลี่คลายคดี

พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าชุดสืบสวน กล่าวภายหลังเสร็จการประชุม ว่า รายละเอียดของคดียังไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี ต้องขอเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานสืบสวนเชิงลึกก่อนจึงจะสามารถบอกรายละเอียดได้ เบื้องต้น ตำรวจไม่ตัดประเด็นใดทิ้งแต่ หลักๆ คือประเด็นเรื่องล่าเอางา กับเรื่องของการทำลายพืชผลทางการเกษตร และประเด็นแวดล้อมอื่นๆ

วันนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่หาข่าวเชิงลึกหากมีข้อมูลเชื่อมโยงไปยังบุคคลใดก็จะสืบให้ถึงทั้งหมด ส่วนกระสุนปืนที่ผ่าได้จากซากช้างป่างางาม นั้น ซึ่งมีการส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อนำมาประกอบคดี พร้อมทั้งเตรียมตรวจสอบอาวุธปืนในพื้นที่ต่างๆ ที่ในทุกอำเภอที่อยู่ล้อมรอบ อ.กุยบุรี ไม่ว่าจะเป็นอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอสามร้อยยอด เพราะคนกับปืนสามารถเคลื่อนที่ได้ และในเบื้องต้น ช้างป่าอาจจะไม่ได้ถูกทำร้ายที่บริเวณจุดเกิดเหตุที่พบซาก แต่อาจจะถูกทำร้ายจากจุดอื่นก็เป็นได้ต้องสืบสวนหาข่าวทั้งหมด

โดยข้อมูลพบว่า ในพื้นที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอกุยบุรี อำเภอสามร้อยยอด น่าจะมีอาวุธปืนไรเฟิลประมาณ 50-60 กระบอก ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจมีรายละเอียดแล้วจากข้อมูลของฝ่ายปกครอง เพียงแต่ขอให้รอให้ชัดเจนว่าผลพิสูจน์หัวกระสุนในวันพรุ่งนี้ซึ่งน่าจะรู้ผล จะทำให้ตำรวจทำงานได้ตรงเป้าหมายเพราะจะระบุได้ว่าเป็นขนาดอะไร

ซึ่งทางตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนมีเบาะแสในพื้นที่ และมีการวิเคราะห์สาเหตุของกรณีช้างป่ากุยบุรีที่ล้มในครั้งนี้แล้วไว้ในหลายประเด็น ซึ่งเชื่อว่าช้างป่าที่โดนยิง และล้มต้องถูกยิงจากจุดอื่นมา โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทราบพิกัดจุดที่ยิงแล้ว เตรียมใช้หน่วยอีโอดี ตชด.14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า ตร.พิสูจน์หลักฐาน ประจวบคีรีขันธ์ และทหารระดมสแกนหาปลอกกระสุน ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดลงมือยิง แต่ไม่เปิดเผยในรายละเอียดเท่านั้น พร้อมกันนี้ ย้อนหลังพลิกแฟ้มดูปัญหาช้างป่าที่ล้มในพื้นที่ป่ากุยบุรี ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันพบช้างป่าพลายงางาม เป็นตัวที่ 22

ด้าน นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต่างเสียใจต่อเหตุยิงช้างป่างางาม กุยบุรี ครั้งนี้ ซึ่งตั้งขอสงสัยทั้งกรณีฆ่าเพื่อเอางา หรือสร้างสถานการณ์ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลปัญหาช้างป่าทำลายพืชไร่หรือไม่ จึงอยากให้ภาครัฐระดมความคิดแก้ปัญหาเพื่อให้คนกับช้างป่าอยู่ร่วมกันเหมือนที่ผ่านมา ที่ในพลวง รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานแนวพระราชดำรัสด้านต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาให้แก่หน่วยงานเกี่ยวข้อง

สิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ก็คือ ในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องเร่งคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็ว โดยอยากบอกทุกคนหากใครทราบเบาะแสเรื่องยิงช้างป่า สามารถแจ้งได้ที่ตนเอง หรือผู้ใหญ่บ้านได้ทันที พร้อมจะประสานกับทางตำรวจเข้ามาดำเนินการต่อไป

ขณะเดียวกัน นายอรุณชัย สมมิตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านยางชุมเหนือ กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหายิงช้างป่ากุยบุรีครั้งนี้มันโหดเหี้ยม และทารุณช้างไม่มีโอกาต่อสู้ เกิดจากผลประโยชน์ของคนบางคน ทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่อำเภอกุยบุรี ซึ่งระยะหลังช้างป่าเริ่มออกจากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ครั้งละประมาณ 5-6 ตัว เข้ามากัดกินพืชไร่ทั้ง สับปะรด ขนุน และล้มต้นยางพารา ทั้งหมู่บ้านรวมไทย หมู่บ้านย่านซื่อ ซึ่งทั้ง 2 หมู่บ้านเป็นพื้นที่อยู่ติดแนวเขตป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

จึงอยากฝากให้ทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และทหารช่วยเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คนกับช้างในพื้นที่ป่ากุยบุรี ผ่านมา 20 ปีเต็ม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้มีพระราชดำรัสเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งคนกับช้างให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ จนทำให้ปัจจุบันนี้ผืนป่ากุยบุรีเริ่มฟื้นฟู สัตว์ป่าเริ่มกลับเข้ามา ทั้งช้าง กระทิง วัวแดง และยังส่งผลสร้างอาชีพในการพานักท่องเที่ยวชมช้าง ชมกระทิง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีอีกด้วย ดังนั้น จึงอยากฝากให้หน่วยงานภาครัฐ ควรยึดแนวพระราชดำริของในหลวงรัชการที่ 9 ใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาคนกับช้างป่าต่อไป

ด้าน นายสุนทร ประคำทอง วัย 70 ปี ชาวบ้านกุยบุรี ซึ่งเคยอยู่ในเหตุการณ์เมื่อครั้งพบซากช้างป่ากุยบุรี ถูกฆ่าเผานั่งยางรถยนต์เมื่อปี 2541 บริเวณหุบตาวิท บ้านพุบอน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี ซึ่งใกล้เคียงกับจุดที่พบซากช้างป่า เจ้าด้วน ล้มในครั้งนี้ ยอมรับว่า รู้สึกเสียใจต่อเรื่องที่เกิดซ้ำรอยขึ้นมาอีก แม้เวลาจะผ่านไปถึง 20 ปีเต็มก็ตาม ลุงเชื่อมั่นว่า ชาวบ้านกุยบุรีไม่ทำร้ายช้างป่า เหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นคนจากที่อื่นเข้ามาทำกินในพื้นที่มากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเผาซากช้างป่างางามกุยบุรี ตั้งแต่เที่ยงวานนี้จนถึงวันนี้ก็ยังทำการสุมไฟเผาซากช้างป่าอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และเจ้าหน้าที่โครงการอนุรักษ์สัตว์ป่า WWF ประเทศไทย ตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่ยังคงช่วยกันพลิกชิ้นส่วนต่างๆ ขึ้นมา เนื่องจากพื้นด้านล่างมีน้ำขังอยู่จึงทำให้การเผาซากช้างป่าล่าช้า นอกจากนั้น ยังต้องช่วยกันเฝ้าดูแลตลอดทั้งคืนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไฟป่าด้วย ซึ่งคาดว่าการเผาซากช้างป่ากว่าจะหมดคาว่าในวันพรุ่งนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น