xs
xsm
sm
md
lg

ไว้อาลัยช้างป่าพลายงางามกุยบุรี เผาแล้ววันนี้ หลังถูกสังหารด้วยไรเฟิล-ลูกซอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ประจวบคีรีขันธ์ - ชาวบ้านกุยบุรี และเจ้าหน้าที่ร่วมกันนิมนต์พระสงฆ์สวดอุทิศให้ช้างป่างางาม หรือ “เจ้าด้วนกุยบุรี” ที่ถูกยิงด้วยปืนไรเฟิล และลูกซอง ล้มกลางป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และดำเนินการเผาซากช้างป่าแล้ววันนี้ พนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม ส่งหัวกระสุนปืนส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ พร้อมแจ้งความให้หาตัวผู้กระความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากกรณีพบซากช้างป่าเพศผู้งายาว ที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า เจ้าด้วน อายุประมาณ 20 ปี ล้มกลางลำห้วยในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี หมู่ 8 บ้านพุบอน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวานนี้มีการผ่าพิสูจน์ซากช้างป่าจากทีมสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

โดยพบหัวกระสุนปืนไรเฟิลในเบ้าตาข้างซ้าย และหัวกระสุนลูกซองเบอร์ 12 อีกส่วนหนึ่ง รวมทั้งนำชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ หัวใจ ตับ ปอด ไต หลอดลม อาหารในกระเพาะส่งไปตรวจพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่จังหวัดนครปฐม เพื่อดูทั้งสารพิษ และสารเคมีต่างๆ ว่าเป็นชนิดใดบ้างที่ช้างป่าได้รับ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน

ล่าสุด วันนี้ (14 ม.ค.) นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม และผู้ใหญ่บ้านพุบอน บ้านย่านซื่อ บ้านยางชุม และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เขตกุยบุรี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ทหารค่ายธนะรัชต์ ชุดรักษาความสงบที่ 2 พื้นที่อำเภอกุยบุรี ทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริ บ้านรวมไทย พร้อมชาวบ้านเดินทางไปยังจุดที่พบซากช้างป่าล้มบริเวณลำห้วย พร้อมนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 4 รูป จากวัดไร่บน มาทำพิธีสวดบังสุกุลให้แก่ช้างป่างางาม หรือเจ้าด้วน

เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ช้างป่าตัวนี้ เนื่องจากช้างป่าเป็นสัตว์ใหญ่คู่บ้านคู่เมือง หลังจากนั้น ได้ช่วยกันหาเศษไม้แห้งในพื้นที่บริเวณดังกล่าวมาสุม และทำการเผาซาก เนื่องจากไม่สามารถนำเครื่องจักรกลเข้ามาทำการขุดหลุมฝังกลับได้ และได้รับการอนุญาตจากทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ให้ดำเนินการสุมไฟเผาได้ทันที ทั้งนี้ ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้คอยสุมไฟ และเฝ้าการเผาอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะเสร็จประมาณ 4 ทุ่มของคืนนี้

ด้าน พระครูอุดมธรรมวิภาค เจ้าอาวาสวัดไร่บน เจ้าคณะตำบลกุยบุรี กล่าวว่า คณะสงฆ์รู้สึกเศร้าสะเทือนใจที่ช้างซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง เป็นสัญลักษณ์ของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่ได้ดำรงอนุรักษ์เอาไว้มาเสียชีวิตในครั้งนี้ จึงขอบิณฑบาต ขอความวิงวอน เมตตา ให้ประชาชน เจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแลรักษาช้างป่ากุยบุรีเอาไว้ให้อยู่คู่บ้านเมืองต่อไป และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีกกับช้างป่ากุยบุรี “อาตมาขอบิณฑบาต”

ขณะที่ นายเจษฏา แดง ส.จ.เขตอำเภอกุยบุรี รวมไปถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลหาดขาม ตลอดจนชาวบ้านในพื้นบ้านพุบอน ได้เดินทางมาร่วมพิธีหลายคนรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นอย่างมากที่ลงมือยิงช้างป่าอย่างโหดเหี้ยม พร้อมวิงวอนไปถึงคนที่กระทำขอให้ช้างป่าพลายงางามเป็นตัวสุดท้าย และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามมือยิงช้างป่ามาลงโทษให้ได้โดยเร็ว

ขณะที่ นายจารุวัฒร นุชศิริ พนักงานพิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ธีระ สูงยิ่ง พนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม หลังจากพบซากช้างป่าล้ม และพบหัวกระสุนปืนไรเฟิล และหัวกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 พร้อมบันทึกรายละเอียดการตรวจสอบ และจุดพิกัดที่พบซากช้างป่าส่งมอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อให้ทางตำรวจเร่งติดตามสืบหาตัวผู้กระทำความผิดที่ยิงช้างป่ามาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งได้ลงบันทึกประจำวัน พร้อมแนบเอกสารการถอดงาช้างป่าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งระบุว่า งาฝั่งขวายาวประมาณ 113 เซนติเมตร ส่วนงาข้างซ้ายยาวประมาณ 108 เซนติเมตร โดยนำไปเก็บรักษาไว้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังข์ไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม จัดส่งหัวกระสุนปืนไรเฟิล และหัวกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 อีก 1 หัว ส่งไปทำการตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน ที่จังหวัดนครปฐม เพื่อเปรียบเทียบว่ายิงมาจากอาวุธปืนชนิดใด ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหนังสือให้ 3 อำเภอหลัก ได้แก่ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอกุยบุรี และอำเภอสามร้อยยอด จัดส่งข้อมูลทะเบียนอาวุธปืนที่เข้าข่าย และสามารถใช้กระสุนปืนไรเฟิล ตลอดจนอาวุธปืนลูกซองเพื่อดำเนินการตรวจสอบ





กำลังโหลดความคิดเห็น