กาฬสินธุ์ - ยังไม่จบ กรณีชายพิการขาด้วนหาเลี้ยงลูกเมียด้วยอาชีพสุจริต แต่ถูกร้องเรียนไม่เลิกจากเพื่อนบ้านที่อ้างเป็นเจ้าใหญ่นายโต มีอิทธิพลในพื้นที่ หลังรับหมายศาลจากศาลปกครองขอนแก่นเรียกให้ปากคำเหตุบุกรุกทางหลวง ปล่อยน้ำเสีย เปิดอู่ซ่อมรถเสียงดังรบกวน พร้อมขู่หากไม่ไปตามนัดเท่ากับยอมรับข้อกล่าวหา
วันนี้ (11 ม.ค.) ที่สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ นายธวัชชัย ดีจันทร์ อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 16 หมู่ 17 บ้านดอนอุดม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด ซึ่งสภาพร่างกายพิการขาด้านขวาด้วนเหนือหัวเข่า พร้อมด้วยนางธนภัทร บุญธรรม อายุ 43 ปี ภรรยา นำหนังสือที่ได้รับจากศาลปกครองขอนแก่น และเอกสารส่วนตัว เข้าร้องทุกข์และขอความเป็นธรรมต่อ นายณรงค์ ขำเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าสำนักงานยุติธรรรมจังหวัด เพื่อขอคำปรึกษาช่วยเหลือเรื่องคดีความ
นายธวัชชัยเล่าว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ปีที่ผ่านมาได้รับหนังสือปิดผนึกจากสำนักงานศาลปกครองขอนแก่น ก็แปลกใจมาก เนื่องจากไม่เคยติดต่อกับศาลหรือมีคดีความกับใคร เมื่อเปิดอ่านดูเนื้อความข้างในก็แทบช็อก เพราะเห็นหัวหนังสือระบุคดีหมายเลขดำที่ 254/2559 เป็นคำสั่งเรียกให้เข้ามาเป็นคู่กรณีและให้คำให้การ ตนยิ่งตกใจจนเข่าอ่อนทรุด
“ช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ ครอบครัวอื่นได้รับของฝากของขวัญ แต่ผมกับลูกเมียกลับได้รับความทุกข์ใจที่ได้รับหมายศาล อ่านแล้วเป็นเรื่องเดิมที่ถูกเพื่อนบ้านร้องเรียนเมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา โดยปรากฏชื่อผู้ฟ้องคดีชื่อดาบตำรวจ อุฤทธิ์ ภูโอบ ระหว่างผู้ร้องสอดคนที่หนึ่งคือ นายธวัชชัย ดีจันทร์ ผู้ร้องสอดคนที่สองคือนายกเทศมนตรีตำบลบัวบาน และผู้ร้องสอดคนที่สามคือผู้อำนวยการแขวงการทางยางตลาด” นายธวัชชัยกล่าว และว่า
สรุปความได้ว่าผู้ฟ้องคดีได้ไปร้องต่อศาลปกครองขอนแก่นรอบที่สอง หลังจากที่รอบแรกเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ร้องเรียนศาลปกครองฯ โดยกล่าวหาว่าตนตั้งเพิงขายกุ้งบุกรุกเขตทางหลวง ซ่อมรถจักรยานยนต์ รวมทั้งเครื่องมือการเกษตรเสียงดัง และปล่อยน้ำเสีย
กระทั่งศาลปกครองฯ ได้ออกหนังสือให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งเทศบาลตำบลบัวบาน แขวงการทาง อุตสาหกรรม ที่ดิน ร่วมตรวจสอบเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2560
โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงผลตรวจสอบกับศาลปกครองฯ จนเป็นที่เข้าใจแล้ว ว่าไม่ได้บุกรุก ทำเสียงดังและปล่อยน้ำเสียตามคำร้อง แต่ผู้ฟ้องไม่ยอมรับผลการตรวจสอบ จึงมีการร้องเรียนเพิ่มเติม โดยครั้งนี้ระบุให้ตน เทศบาลตำบลบัวบาน และแขวงการทาง รวม 3 รายเป็นผู้ถูกร้อง และไปให้ปากคำที่ศาลปกครองดังกล่าว
นางธนภัทร บุญธรรม ภรรยานายธวัชชัย กล่าวว่า จากการที่ถูกเพื่อนบ้านข้าราชการบำนาญ (ตำรวจ) ร้องเรียนนายธวัชชัยไปถึงศาลปกครองฯ เหมือนเป็นการจงใจกลั่นแกล้งรังแกคนพิการที่ตั้งใจทำมาหากิน บางครั้งทำให้รู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง ที่ผ่านมาได้กำลังใจจากเพื่อนบ้าน เพราะต่างก็รู้ว่าครอบครัวของตนไม่ได้กระทำอย่างที่มีผู้ฟ้องศาลปกครอง ทางเทศบาลตำบลบัวบาน รวมทั้งแขวงการทาง อุตสาหกรรม และที่ดิน ก็ได้มาตรวจสอบ และพิสูจน์ด้วยเครื่องตรวจวัดแล้วว่าเราไม่ได้บุกรุกหรือทำเสียงรบกวนรุนแรงขนาดต้องฟ้องร้องถึงศาลปกครอง
แต่ผู้ฟ้องก็ยังไม่ยอมรับและมีการฟ้องเพิ่มเติมอีก โดยฟ้องขอค่าเสียหายจากเทศบาลเป็นเงินจำนวนมากถึง 1 แสนบาท จึงทำให้ต้องพากันคิดหนักมากว่าขนาดเทศบาลซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐยังถูกฟ้องเรียกร้องมากขนาดนั้น แล้วครอบครัวเราที่ผู้ฟ้องตั้งแง่เป็นคู่กรณีแต่ทีเรียก จะไม่ถูกผู้ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายด้วยหรือ จึงเข้ามาร้องทุกข์ต่อผู้อำนวยการยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อของความช่วยเหลือ
ด้านนายณรงค์ ขำเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังได้รับเรื่องร้องทุกข์ของนายธวัชชัยและภรรยาแล้ว ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงรับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการช่วยเหลือ โดยในเบื้องต้นให้นิติกรลงบันทึกและเขียนคำแก้ต่างให้ตามสิทธิพึงมีพึงได้ที่กฎหมายกำหนด
“โดยทั่วไปหากมีการฟ้องร้องไปที่ศาลปกครอง ก็จะต้องหาทนายช่วยแก้ต่างให้ แต่ในกรณีนี้ตนกับเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดได้เคยลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2560 ก่อนที่เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบัวบาน ที่ดิน แขวงการทาง และอุตสาหกรรมจะทำการตรวจสอบพิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องนี้จริงๆ แล้วไม่มีอะไรซับซ้อนเลย สามารถตรวจสอบด้วยพยานหลักฐานและเครื่องมือวัด ส่วนที่ไม่ถูกก็แก้ไขให้ถูก ก็เป็นอันยุติเรื่อง”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการพิจารณาความช่วยเหลือ และหาทางสรุปของปัญหาความขัดแย้ง ทางยุติธรรมจังหวัดก็จะแนะนำให้ผู้ถูกฟ้องทั้งนายธวัชชัย เทศบาลบัวบาน แขวงการทาง ไปดำเนินการแก้ไขตามคำร้องของผู้ฟ้อง ให้เป็นไปตามระเบียบของกฎหมาย โดยไม่ต้องจ้างทนาย
