นครพนม - “เสี่ยเป็ด” เสี่ยรับเหมาก่อสร้างโวยเจ้าหน้าที่ทางหลวง เรียกตรวจจับรถบรรทุกกะทันหัน จนทำให้รถบรรทุกเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง หินที่บรรทุกหกเรี่ยราด ซัดทำงานไม่รอบคอบทำให้เกิดความเสียหายเสี่ยงชนคนตาย ด้าน ผอ.ทางหลวงนครพนมโต้กลับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบ
วันนี้ (11 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายภาคิน มุทาไร หรือเสี่ยเป็ด อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 244 หมู่ 10 บ้านดงหมู ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม และเป็นเจ้าของ หจก.นครพนม ป.เจริญ รับเหมาก่อสร้างทั่วไป ว่า รถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 80-7865 นครพนม ซึ่งบรรทุกหินมาจากบ้านเชียงยืน ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน พลิกคว่ำอยู่ข้างถนนทางหลวงแผ่นดิน 212 ช่วงบ้านท่าควาย ต.อาจสามารถ เขตเทศบาลเมืองนครพนม
โดยเหตุที่รถพลิกคว่ำเพราะถูกเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงแผ่นดินเรียกให้หยุดอย่างกระชั้นชิด แต่คนขับไม่สามารถหยุดรถได้ทัน ข้างหน้าก็มีรถกระบะวิ่งอยู่ จึงหักหลบและพลิกคว่ำดังกล่าว
จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุอยู่เยื้องกับโรงเรียนกีฬาบ้านอาจสามารถ พบรถบรรทุกพลิกตะแคงด้านขวา หันหัวไปทางเข้าเมืองนครพนม มีหินกรวดจากแม่น้ำโขงหกเรี่ยราด มี นายศรัญญู ไชยผาบ อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 124 หมู่ 11 บ้านใหม่แสงอรุณ ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม เป็นคนขับ ยืนอยู่กับเสี่ยเป็ดเจ้าของรถ พร้อมเล่ารายละเอียดว่า
เมื่อเวลา 19.35 น. วันที่ 10 ม.ค. 61 ตนขับรถบรรทุกหินมาจากบ้านเชียงยืน โดยมีภรรยานั่งมาเป็นเพื่อนเพื่อนำไปสต๊อกไว้ที่โรงงานของเสี่ยเป็ด ขณะขับมาถึงบ้านท่าควาย มีรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สี่ประตู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฎธ 8031 กรุงเทพมหานคร ขับขึ้นมาประกบด้านขวา เปิดกระจกซ้ายส่งสัญญาณให้จอด พร้อมบีบแตรเสียงดัง แต่มีรถยนต์กระบะที่วิ่งอยู่ด้านหน้ารถบรรทุกตกใจเสียงแตรแล้วเบรกอย่างกะทันหัน
ตนจึงหักรถหลบไปทางด้านซ้ายแล้วเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง ตนกับภรรยาตะเกียกตะกายพยายามออกจากตัวรถ มีคนในรถโตโยต้าวิ่งมาช่วยนำร่างออกมา จึงรู้ว่ารถคันที่บีบแตรนั้นเป็นรถยนต์ของแขวงทางหลวงแผ่นดินจังหวัดนครพนม
นายศรัญญูเล่าต่อว่า หลังเกิดเหตุตนจึงโทรศัพท์แจ้งให้เสี่ยเป็ดทราบ ก่อนที่จะพาไปให้ปากคำต่อ ร.ต.อ.ก้องธานี ดีโนนเมือง รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองนครพนม ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ทางด้านนายภาคิน หรือเสี่ยเป็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนข้องใจเป็นอย่างมากว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงแผ่นดินฯ ทำไมต้องเรียกจอดรถอย่างกระชั้นชิด อีกทั้งเป็นเวลามืดค่ำ ควรมีความระมัดระวังในการเรียกตรวจ เพราะรถบรรทุกของหนักไม่สามารถหยุดรถได้ทันท่วงที หากลูกน้องตนไม่มีสติ ข้างหน้ามีรถกระบะแล่นอยู่ เกิดอุบัติเหตุมีคนเจ็บคนตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ
อยากให้เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงแผ่นดินฯ มีความรอบคอบในการตรวจจับมากกว่านี้ และตนพร้อมให้ความร่วมมือทุกประการ ส่วนมูลค่าความเสียหายยังไม่ทราบ และยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงแผ่นดินฯ ต้องรอปรึกษาทนายความก่อน
ขณะเดียวกัน นายวุฒิพงษ์ คำภูแสน ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงแผ่นดินนครพนม เปิดเผยว่า ตั้งแต่เช้าของวันที่ 10 ม.ค.มีเจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงท่าอุเทน จำนวน 4 นาย ออกปฏิบัติหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว มีอำนาจตามพระราชบัญญัติทางหลวงแผ่นดิน 2535 เพื่อตรวจจับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ขณะปฏิบัติหน้าที่สวมชุดเครื่องแบบชัดเจน ไม่มีการปิดบังอำพราง จนเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันเดียวกันพบรถบรรทุกหินคันดังกล่าว วิ่งผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน) ลักษณะอาจจะบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด
จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ แต่คนขับไม่ยอมหยุดกลับขับหลบหนีออกนอกเส้นทางของทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งอยู่นอกเขตอำนาจของเจ้าหน้าที่ ตนจึงสั่งให้เฝ้าติดตามรถบรรทุกคันนี้ไว้
กระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. รถบรรทุกต้องสงสัยได้ขับขึ้นมาบนถนนทางหลวงแผ่นดินสาย 212 อีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามมาทันที่บริเวณดังกล่าว แล้วให้สัญญาณเพื่อจอดรถ แต่คนขับหักหลบลงข้างทางแล้วพลิกคว่ำ ขอยืนยันว่าปฏิบัติตามขั้นตอนทุกอย่าง
“ส่วนมีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันนั้นต้องรอดูว่านายภาคินหรือเสี่ยเป็ดจะแจ้งในข้อหาอะไร รถบรรทุกไม่ขับหลบหนี คงจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้” นายวุฒิพงษ์กล่าว