ชี้ “เกาะล้าน” ปัญหาเพียบ ไม่เร่งแก้อย่าหวังเป็น “แดนสวรรค์” ของนักท่องเที่ยว

ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกเมืองพัทยา ลงพื้นที่เกาะล้าน พบปัญหาเพียบ จี้เร่งแก้ไข ทั้งขยะ บุกรุก น้ำเสีย ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ชี้ไม่เร่งแก้ไขอย่าหวังพลิกฟื้นเป็น “แดนสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยว”

วันนี้ (10 ม.ค.) พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายอภิชาต วีรปาล รองนายกเมืองพัทยา ได้นำคณะที่ปรึกษา และหัวหน้าส่วนราชการเดินทางลงพื้นที่ชุมชนบ้านเกาะล้าน ม.7 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อตรวจสอบ และรับฟังสภาพปัญหาหลังพบว่า ปัจจุบันเริ่มเผชิญต่อสภาพเสื่อมโทรมในหลายด้าน ทั้งปัญหาขยะสะสม น้ำเสีย การบุกรุกที่สาธารณะ การก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยมี นายอิทธิพล เนชัยคุปสิงขรแก้ว หัวหน้าฝ่ายโยธาและสุขาภิบาล รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเมืองพัทยา สาขาเกาะล้าน นำเจ้าหน้าที่ร่วมต้อนรับ และบรรยายสรุป

ทั้งนี้ พบว่า เกาะล้านในปัจจุบันมีปริมาณนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีระบบสาธารณูปโภคที่ดี ขณะที่การบริหารจัดการขาดประสิทธิภาพจนก่อให้เกิดปัญหาหมักหมมอย่างต่อเนื่อง

นายอิทธิพล เผยว่า ชุมชนบ้านเกาะล้าน อยู่ห่างจากฝั่งเมืองพัทยา 7.5 กม.ในพื้นที่รวม 4.7 ตร.กม. มีเกาะบริวาร 2 เกาะ คือ เกาะครก และเกาะสาก โดยเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีชายหาดสวยงาม จำนวน 9 หาด ประกอบด้วย หาดตาแหวน หาดสังวาล หาดทองหลาง หาดตายาย หาดแสม หาดเทียน หาดนวล ท่าไร่ และหน้าบ้าน มีประชากรรวม 2,869 คน จาก 625 ครัวเรือน และประชากรแฝงอีกราว 2,000 คน

เกาะล้าน มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเฉลี่ย 1-2 หมื่นคนต่อวัน แบ่งสัดส่วนเป็นชาวจีน 40% รัสเซีย 30% ไทย 20% และอื่นๆ 10% มีห้องพักรายวันจากผู้ประกอบการ 140 ราย รวม 1,300 ห้อง และห้องพักรายเดือนจากผู้ประกอบการ 13 ราย รวม 1,150 ห้อง ซึ่งในปี 2559 สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 47 ล้านบาท

ส่วนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคจากการดำเนินงานของบริษัท อีสวอเตอร์ ในการกรองน้ำทะเลเป็นน้าจืดส่งจำหน่ายประมาณ 300 ลบ.ม.ต่อวัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ขณะที่ปัญหาหลักของเกาะล้าน คือ ปริมาณขยะสะสมที่มีมากถึง 5 หมื่นตัน รวมทั้งเรื่อน้ำเสียที่แม้จะมีระบบบำบัดอยู่ 2 แห่ง บริเวณหาดตาแหวน ในอัตรา 990 ลบ.ม.ต่อวัน และหาดแสม ในปริมาณ 300 ลบ.ม.ต่อวัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอเช่นกัน

ด้านปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะ และการครอบครองที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิครอบครองก็เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ด้วยพื้นที่เกาะล้านมีผู้ที่ถือกรรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินอย่างถูกต้องเพียง 110 แปลง แต่การบุกรุกถือครองกลับมีการถ่ายโอนขายกรรมสิทธิ์กันเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาของการบุกรุกก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งรัฐพยายามแก้ไขอย่างต่อเนื่อง แต่อาจมีปัญหาในเรื่องของบุคลากรที่มีอัตรากำลังเพียง 50% จากอัตรากำลังที่ต้องการและมีลูกจ้างในจำนวนจำกัด จึงทำให้การบริหารจัดการ และการเฝ้าระวังเป็นไปด้วยความยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ในอนาคตได้มีแผนงานในการพัฒนาเกาะล้านเพื่อให้กลับมามีสภาพที่สวยงาม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป

พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อรับฟังสภาพปัญหา และวางแนวนโยบายในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากเกาะล้านถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยว แต่กลับพบว่ามีปัญหาสะสมมากมายที่ยังไร้แนวทางการแก้ไข

โดยเฉพาะกรณีของปัญหาขยะตกค้าง ปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ปัญหาเรื่องชองน้ำเสีย ปัญหาการบุกรุก โครงสร้างพื้นฐาน และการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่ง ปัญหาเหล่านี้ถือเป็น “แผลเรื้อรัง ลุกลาม” และเข้าข่ายคนมีอาการป่วยหนัก จึงถึงเวลาแล้วที่ต้องเร่งแก้ไข

ขณะที่ นายอภิชาต วีรปาล รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เกาะล้านถือเป็นเพชรเม็ดงามของเมืองพัทยา แต่เมื่อมีปัญหาสะสมมานาน ระบบหลายด้านยังไม่ได้รับการแก้ไขปรับปรุง ก็ควรต้องทำการแก้ไขเพื่อให้เกิดความพร้อม และสมบูรณ์ก่อนที่พัฒนาไปสู่อีกระดับ โดยเฉพาะปัญหาขยะตกค้าง รวมถึงเรื่องน้ำเสีย ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่ รวมถึงประชาชนบางส่วนยังไม่มีส่วนร่วมในการควบคุม และป้องกัน

เช่น การจัดทำระบบบำบัดเอง หรือการมีส่วนในการชำระค่าบำบัดน้ำเสียร่วม ทั้งๆ ที่ในฝั่งเมืองพัทยามีการจัดเก็บอย่างเป็นรูปธรรมเฉลี่ยกว่า 40-50 ล้านบาทต่อปี ขณะที่การบุกรุกที่ดิน การครอบครอง และการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ถือเป็นอีกปัญหาที่ต้องแก้ไขจัดการ เพราะการกระทำเหล่านี้ถือเป็นการเอาเปรียบสังคม ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม จึงต้องมีความเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตต่างๆ หากไม่มีเอกสารสิทธิครอบครองอย่างถูกต้องก็คงไม่สามารถดำเนินการได้