ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รื้อแล้ว! ร้านกาแฟโป่งแยง บรรยากาศสุดชิล ตั้งคร่อมลำห้วยกลางป่า หลังโลกโซเชียลฯ ถล่มยับหวั่นทำลายธรรมชาติ เจ้าของอ้างไม่มีเจตนาเนื่องจากเข้าใจว่าอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง สั่งคนงานรื้อถอนทันทีทั้งศาลาที่พักและสะพาน พร้อมยอมรับผิดทุกอย่าง ขณะที่นายอำเภอแม่ริมนำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าตรวจสอบละเอียดและรอฟังผล ระบุหากพบกระทำผิดต้องดำเนินการเด็ดขาด โดยล่าสุดยังงมหาหลักหมุดแสดงขอบเขตที่ล่องหน
วันนี้ (9 ม.ค. 61) นายชัยแสง พัฒนศักดิ์ภิญโญ นายอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายราเชนทร์ ภูมมะภูติ ป่าไม้จังหวัดเชียงใหม่, นายสายพิน เปียสวน ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่), เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่, เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินอำเภอแม่ริม, ตำรวจ, ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่และการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ “โป่งแยงจังเกิ้ลโคสเตอร์แอนด์ซิปไลน์” สถานที่ท่องเที่ยวเชิงผจญภัยของเอกชน ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ จากตรวจสอบดังกล่าวสืบเนื่องมาจากกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการโพสต์โพสต์ภาพและเรื่องราวของร้านกาแฟ “Jungle de Cafe” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “โป่งแยงจังเกิ้ลโคสเตอร์แอนด์ซิปไลน์” โดยร้านกาแฟแห่งนี้ตั้งอยู่ริมลำห้วย มีการปลูกสร้างที่นั่ง, สะพานข้ามลำห้วย และศาลาที่นั่งที่ดูเหมือนจะเป็นการรุกล้ำลำห้วยที่ไหลลงมาตามภูเขา ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความเหมาะสม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการรุกล้ำและทำลายธรรมชาติหรือไม่อย่างไร รวมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งในการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่วันนี้พบว่าทางผู้ประกอบการสั่งให้คนงานเริ่มทำการรื้อถอนสะพานข้ามลำห้วย และศาลาที่นั่งที่สร้างอยู่ฝั่งขวาของลำห้วยแล้ว
โดยนางอารัญญา ทะรินทร์ อายุ 46 ปี ผู้บริหารบริษัท พบสนุกม่อนแจ่ม จำกัด เจ้าของ “โป่งแยงจังเกิ้ลโคสเตอร์แอนด์ซิปไลน์” เปิดเผยว่า ร้านกาแฟดังกล่าวเพิ่งเปิดให้บริการได้ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ในช่วงก่อนปีใหม่ ในส่วนของสะพานที่มีการก่อสร้างและสะพานที่ข้ามลำห้วยนั้นทำขึ้นเพื่อหวังให้เป็นจุดบริการและเป็นแลนด์มาร์กสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ โดยเข้าใจว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของตัวเองและไม่ได้เป็นการก่อสร้างแบบถาวรจึงไม่ได้มีการขออนุญาตก่อสร้าง รวมทั้งก่อนหน้านี้ลำห้วยดังกล่าวแห้งมาตลอด เพิ่งจะเริ่มมีน้ำไหลในปีนี้เอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตและวิพากษ์วิจารณ์ความเหมาะสม รวมทั้งตรวจสอบพบว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง จึงเร่งสั่งการให้คนงานทำการรื้อถอนออกทันที พร้อมทั้งยอมรับผิดทุกอย่างหากทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิดและจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาและพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง ส่วนร้านกาแฟฝั่งที่ไม่ได้รื้อถอนยังคงเปิดบริการตามปกติ
ขณะที่นายอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการตั้งประเด็นและเรียกร้องให้ตรวจสอบกรณีร้านกาแฟแห่งนี้ที่มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในลักษณะที่อาจจะเป็นการเข้าไปบุกรุก ยึดถือครอบครองปลูกสิ่งก่อสร้าง และทำประโยชน์เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น อันเป็นการผิดพระราชบัญญัติ ป่าสงวนแห่งชาติ หรือการกระทำผิดตามกฎหมาย วันนี้ (9 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวของทุกฝ่ายจึงได้ร่วมกันเข้าดำเนินการตรวจสอบโดยเฉพาะการรังวัดขอบเขตพื้นที่
เบื้องต้นพบว่าส่วนที่ตั้งของร้านกาแฟในส่วนของพื้นที่ทางฝั่งซ้ายของลำห้วยอยู่ในพื้นที่ของผู้ประกอบการตามเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ผู้ประกอบการเคยนำมาแสดงก่อนหน้านี้ แต่พื้นที่ในส่วนของสะพานที่สร้างข้ามไปและศาลาอีกฝั่งหนึ่งของลำห้วยพบว่าไม่มีเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยเบื้องต้นทางผู้ประกอบการได้เริ่มทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเจ้าหน้าที่ยังคงต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดให้ครบถ้วน หากพบว่ามีการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย จะต้องดำเนินการต่อไป
สำหรับที่ตั้งของ “โป่งแยงจังเกิ้ลโคสเตอร์แอนด์ซิปไลน์” มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 11 ไร่ เดิมเป็นที่ดินที่มีใบ สค.ของชาวบ้านในพื้นที่ ต่อมามีการขอออกเป็น น.ส.3 ก. จากนั้นทางผู้ประกอบการได้มีการซื้อที่ดินดังกล่าวจากชาวบ้าน โดยที่มีนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่รายหนึ่งเป็นผู้ช่วยรวบรวมที่ดินให้ผู้ประกอบการรายนี้เปิดกิจการ ซึ่งปัจจุบันทางผู้ประกอบการได้ดำเนินการขอออกโฉนดให้ที่ดินแปลงนี้แล้ว อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวเกี่ยวข้อง ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่พยายามค้นหาและตรวจสอบหลักหมุดแสดงขอบเขตของพื้นที่ตามที่เคยมีการรังวัดและยื่นเอกสารประกอบการขอออกโฉนดที่ดิน โดยเฉพาะหลักหมุดที่อยู่ริมลำห้วย อย่างไรก็ตาม กลับไม่พบหลักหมุดดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง