อุบลราชธานี - เกษตรกรเลี้ยงปลาในกระชังริมแม่น้ำมูล จ.อุบลราชธานี เจอสภาพอากาศแปรปรวนน้ำน้อย ทำปลาตายกว่าครึ่ง หรือราว 5 ตัน ต้องตักขึ้นมาขายเลหลังราคาถูก เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายครั้งนี้ประมาณ 3 แสนบาท
วันนี้ (8 ม.ค. 61) จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลกระทบต่อปลาเลี้ยงในกระชังลอยตายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่บ้านท่าลาด หมู่ที่ 8 ต.ท่าลาด อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีปลาเลี้ยงในกระชังในแม่น้ำมูล ลอยตายเป็นเบือ จึงไปตรวจสอบพบปลานิลเลี้ยงในกระชังของ น.ส.สัมพันธ์ จำปาจันทร์ อายุ 56 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในแม่น้ำมูล มีปลาเริ่มทยอยตายและกำลังจะตายใน 4 กระชัง จากที่เลี้ยงทั้งหมด 8 กระชัง
โดยปลาที่ตายและใกล้ตายมีอายุประมาณ 4 เดือน มีน้ำหนักรวมกันประมาณ 5 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 แสนบาท ทำให้เกษตรกรต้องนำปลาที่ตายออกจากกระชังเลี้ยง นำมาวางขายให้แก่ชาวบ้านที่ทราบข่าวในราคาถูก แค่กิโลกรัมละ 35 บาท ส่วนปลาที่กำลังจะขาดออกซิเจนตาย ได้มีรถแล่นเข้ามารับซื้อ เพราะเป็นปลาที่ได้ขนาดขายพอดี จะขายในราคากิโลกรัมละ 58 บาท ส่วนอีก 4 กระชังจะรีบตักขึ้นขายให้ตลาดภายในวันนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
น.ส.สัมพันธ์ จำปาจันทร์ ผู้เลี้ยงปลาในกระชัง เล่าว่า ปลาได้เริ่มทยอยตายเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สาเหตุน่าจะมาจากปริมาณน้ำที่ลดลงรวดเร็วกว่าปกติ จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งมีอากาศร้อนและหนาวในช่วงนี้ ประกอบกับเขื่อนหัวนา อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่ตั้งอยู่ห่างจากกระชังเลี้ยงปลาของตนไปประมาณ 2 กิโลเมตร ไม่ระบายน้ำออกมาเพิ่มด้วย
เมื่อพบเห็นปลาเริ่มขาดออกซิเจนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งให้รถรับซื้อปลาเข้ามารับซื้อ ส่วนปลาที่ตายได้นำมาวางขายในราคาถูกให้ชาวบ้าน ขณะนี้ต้องการให้เขื่อนหัวนา ช่วยระบายน้ำออกจากเขื่อนมาช่วยยกระดับน้ำในแม่น้ำมูลให้เพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบกับผู้เลี้ยงปลาขณะนี้ด้วย
สำหรับจุดดังกล่าวมีผู้เลี้ยงปลาในกระชังอีก 30 ราย ซึ่งได้เตรียมพร้อมนำเครื่องปั๊มออกซิเจนมาเพิ่มอากาศให้กับปลาของตน เพื่อป้องกันปลาตายด้วย