กาฬสินธุ์ - ชี้โครงการ 9101 ฟื้นฟูน้ำท่วมพื้นที่ ต.บัวบาน อ.ยางตลาดดำเนินการผิดระเบียบ หลังพบประธานและคณะกรรมการชุมชนทำสัญญาจัดซื้อปัจจัยเองส่อไปในทางทุจริต และดำเนินการโดยมิชอบ ระบุพบข้าราชการเอี่ยวอีกด้วย
จากกรณีชาวบ้านพบความผิดปกติการซื้อปัจจัยการผลิตโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ ต.บัวบาน อ.ยางตลาด ซึ่งมีการตั้งราคาซื้อพันธุ์ข้าวเปลือกนาปรัง พันธุ์ปลาดุก หัวอาหาร และสารปรับปรุงดินหรือปุ๋ยชีวภาพแพงกว่าท้องตลาด และในพื้นที่ อ.นาคู อ.กุฉินารายณ์ อ.ห้วยผึ้ง เขาวง และ อ.สมเด็จ มีการจัดซื้อพันธุ์ปลาดุกขนาดเล็กไม่เหมาะสมกับราคา
อีกทั้งหัวอาหารปลาดุก และปุ๋ยชีวภาพยังมีราคาแพงกว่าท้องตลาด จนชาวบ้านต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมเรียกร้องให้ตรวจสอบ เพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ไม่ใช่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายทุน
ล่าสุด พ.อ.มานพ ไขขุนทด รอง ผอ.รมน.กาฬสินธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อฯ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.กาฬสินธุ์ได้เข้าตรวจสอบเอกสารและเข้าสอบถามชาวบ้านใน ต .บัวบาน อ.ยางตลาด
พ.อ.มานพ ไขขุนทด รอง ผอ.รมน.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าหลักฐานในการจัดซื้อจัดจ้างของ ต.บัวบานทั้ง 2 กลุ่มไม่น่าจะถูกต้อง เนื่องจากตามระเบียบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้นกำหนดไว้ว่าการจัดซื้อจัดจ้างปัจจัยการผลิตต้องเป็นกลุ่มเกษตรกรกลุ่มเล็กที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการเป็นผู้จัดซื้อ ไม่ใช่กลุ่มใหญ่หรือประธานและคณะกรรมการชุมชนเป็นคนทำสัญญาจัดซื้อเอง
นอกจากนี้ จากการสอบถามราคาปัจจัยการผลิตในร้านค้าตามท้องตลาดเพื่อเปรียบเทียบราคายังพบว่าราคาของปัจจัยการผลิตที่ส่งมาให้เกษตรกรในพื้นที่ ต.บัวบาน อ.ยางตลาดนั้นมีราคาสูงมากจากที่ไปรับซื้อมา โดยมีส่วนต่างของราคาจัดซื้อจัดจ้างปัจจัยการผลิตและราคาต้นทุนการผลิตจากร้านค้านั้นก็มีจำนวนมาก
เช่น พันธุ์ข้าวเปลือกนาปรัง กข 10 ราคาจัดซื้อและราคาต้นทุนการผลิตจากร้านนั้นมีส่วนต่างประมาณกระสอบละ 200 บาท และสารปรับปรุงดินมีส่วนต่างของราคามากถึงกระสอบละ 300 บาท
โดยแต่ละกลุ่มมีการจัดซื้อเฉลี่ยประมาณ 2,000 กระสอบ ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อย เงินส่วนต่างเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็คงเป็นกำไรของพ่อค้าที่นำปัจจัยการผลิตมาส่ง แต่ส่วนต่างอีกส่วนหนึ่งคาดว่าน่าจะอยู่กับกลุ่มขบวนการที่รวมตัวกันทำโครงการนี้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์
พ.อ.มานพระบุว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบหลักฐานสำคัญ ซึ่งเชื่อมั่นว่าน่าจะสามารถดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ทั้งนี้จากการสืบข้อมูลเชิงลึกยังพบว่ามีข้าราชการและผู้นำท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการระดับจังหวัดจะลงพื้นที่เข้าสอบถามรายละเอียดจากคณะกรรมการระดับอำเภออีกครั้งก่อนที่จะร่วมกันพิจารณาสรุปผลการสอบสวนเสนอไปยังจังหวัดต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้กำชับให้ความสำคัญในการติดตาม ตรวจสอบ และปราบปรามการทุจริต เพื่อป้องกันและป้องปรามมิให้ข้าราชการของรัฐแสวงหาผลประโยชน์อันมิพึงได้จากประชาชน
ด้านนางสายเพ็ชร ภูขยัน ผู้ใหญ่บ้านโคกคำ ม.18 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนในฐานะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุมชน ที่ผ่านมาได้คัดค้านมาโดยตลอด เนื่องจากเห็นว่าการดำเนินการไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะการทำสัญญาซื้อขายปัจจัยการผลิต ซึ่งจะต้องเป็นหน้าที่ของกลุ่มเกษตรกร ไม่ใช่คณะกรรมการเป็นคนจัดซื้อ
“ที่ผ่านมาฉันพยายามขอลาออกจากตำแหน่งคณะกรรมการ แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ลาออก ซึ่งขณะนี้เตรียมที่จะทำหนังสือเสนอไปยังนายอำเภอยางตลาดเพื่อขอลาออกจากตำแหน่งคณะกรรมการ เพราะไม่เห็นด้วยในการดำเนินงานครั้งนี้” นางสายเพ็ชรกล่าว