พิษณุโลก - รมว.ทรัพย์ฯ เปิดห้องประชุม ทภ.3 ระดมป่าไม้ 4 จังหวัดรับนโยบาย สั่งเกาะติดพื้นที่-ประชาชน-นายทุน ทำงานเหมือนทหาร เดินหน้าจัดการนายทุน พร้อมจัดสรรที่ดินป่าไม้แปลงรวมให้ผู้ยากไร้ ไม่แจกเฉพาะบุคคล ชี้เป้า “แพร่” ยังมีนายทุนตัดประดู่-ชิงชันส่งออกนอก
วันนี้ (27 ธ.ค.) พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, พลโท ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.4 กอ.รมน.) ได้เปิดการประชุมและมอบนโยบาย “การแก้ไขปัญหาการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าและการขอใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้พื้นที่พิษณุโลก-สุโขทัย-ตาก-แม่ฮ่องสอน” ที่ห้อง 101 สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
โดยมี พลตรี สุภโชค ธวัชพีระชัย รองแม่ทัพภาคที่ 3 ให้การต้อนรับและชี้แจงแนวทางการขอให้ประโยชน์อนุญาตในที่ดินป่าไม้ ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญการประชุมครั้งนี้
พลเอก สุรศักดิ์กล่าวในที่ประชุมว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ต้องวางกรอบไว้ 3 เกาะ คือ จะต้องเกาะติดพื้นที่ ทราบว่าพื้นที่ใดล่อแหลม หรือเสี่ยงต่อการบุกรุกป่า, จะต้องเกาะติดประชาชน ต้องทราบว่าบุคคลในพื้นที่ที่รับผิดชอบมีพฤติการณ์อย่างไร มีทัศนคติต่อป่าไม้อย่างไร และสุดท้ายคือ เกาะติดนายทุน กลุ่มที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า
“สรุปก็คือ เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะต้องทำหน้าที่เหมือนกับทหาร เนื่องจากทหารมีเพียงไม่กี่นาย แต่ดูแลชายแดนหลายกิโลเมตร ฉะนั้นป่าไม้จะหาความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ให้เป็นหูเป็นตาแก่รัฐ ป่าไม้จะต้องทำงานเชิงรุก”
พลเอก สุรศักดิ์เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สืบเนื่องจาก ครม.สัญจร โดยนายกฯ สั่งการว่า ทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนในภาคเหนือมีความสุข จึงมองดูว่าจังหวัดไหนยังมีความยากจน ซึ่งจากตัวเลขแล้วพบว่าภาคเหนือมีแม่ฮ่องสอน สุโขทัย ตาก พิษณุโลก แต่การให้ประชาชนกินดีอยู่ดีนั้น ทราบว่ามีปัญหาเรื่องที่ดิน เกษตรกรผู้ยากไร้ส่วนใหญ่มีที่ดินทำกินถูกกฎหมายบ้าง ผิดกฎหมายบ้าง ฉะนั้นจะต้องทำอย่างไรให้คนที่อยู่ในที่ดินผิดกฎหมาย หรือพื้นที่ป่าสามารถอยู่ได้
“การประชุมครั้งนี้จะดูว่าประชาชนที่อยู่ในที่ดินผิดกฎหมายจะต้องทำอย่างไร จะอนุญาตใช้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ รัฐบาลจะไม่อนุญาตให้เป็นบุคคลอยู่ในที่ดินผิดกฎหมาย เพราะอาจไปขายต่อ และทรัพยากรของประเทศชาติเสียหายได้”
สำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่มานานจะช่วยเขาอย่างไร ใครอยู่ก่อน 30 มิ.ย. 41 รัฐบาลจะเร่งรัดจัดที่ดินทำกินในรูปคณะกรรมการ (แบบกลุ่ม) ซึ่งนายกฯ ได้มอบที่ดินไปแล้ว 21 พื้นที่ใน 14 จังหวัดภาคเหนือ ประมาณ 9 หมื่นกว่าไร่ เท่ากับว่าราษฎรมีที่ดินทำกินแล้วเกือบ 1 แสนไร่ ดังนั้นประชาชนจะต้องรวมตัว รัฐจะอนุญาตลักษณะเอกสารแปลงรวม แต่ขณะนี้พื้นที่อุทยานฯ ยังทำไม่ได้ ซึ่งกำลังแก้กฎหมายเพื่อให้อธิบดีกรมอุทยานฯ อนุญาตได้ ลักษณะทำเป็นแปลงรวม ส่วนปัญหาที่ดินทับเบิก หรือเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป ไม่ได้สั่งการใดๆ เป็นพิเศษ
ส่วนข้อซักถามที่ว่ากรณีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ปล่อยปละละเลยหรือไม่นั้น เชื่อว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลย เพียงแต่คนบุกรุกมีจำนวนมากกว่า เท่าที่ทราบคือหลังจาก คสช.เข้ามา ปัญหาบุกรุกไม่มี หรือแทบยุติแล้ว
“นโยบายการทวงคืนผืนป่ายังคงไว้เหมือนเดิม คือใช้นโยบายปราบปรามเฉพาะนายทุนเท่านั้น ส่วนประชาชนใช้การส่งเสริมสนับสนุน ณ วันนี้พบว่าพื้นที่จังหวัดแพร่ยังมีการลอบตัดไม้ประดู่ ไม้ชิงชันส่งออกนอก ล่าสุดตั้งศูนย์พิทักษ์ป่าส่วนหน้าคอยป้องกันและปราบปรามทั้งที่แพร่ อุตรดิตถ์”
