xs
xsm
sm
md
lg

งานเข้าอีก! เผาผิดศพหนุ่มใหญ่ศรีสะเกษ ประกันสังคมเรียกเงินคืน 9 หมื่น ญาติโอดจ่ายค่างานศพไปหมดแล้ว แถมเป็นหนี้ 4 หมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศรีสะเกษ - คืบหน้ากรณีหนุ่มใหญ่ศรีสะเกษโผล่กลับบ้านขอชีวิตคืน หลัง จนท.ยัดศพให้ญาตินำมาฌาปนกิจผิดคน ล่าสุด งานเข้าอีก ประกันสังคมเตรียมเรียกเงินคืน 90,000 บาท ขณะญาติโอดใช้เงินที่ได้มาไปจัดงานศพหมดแล้ว แถมยังเป็นหนี้อีกกว่า 40,000 บาท ขณะทางอำเภอเร่งสอบสวนญาติเป็นพยาน ส่งเรื่องแก้ไขข้อมูลทะเบียนราษฎรคืนสิทธิ

วันนี้ (20 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีที่ญาตินำ นายสาคร สาชีวะ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 ม.6 บ้านเหล่าฝ้าย ต.เหล่ากวาง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หนุ่มใหญ่ศรีสะเกษที่ถูกหน่วยงานราชการแจ้งว่าเสียชีวิต และญาติได้รับศพมาประกอบพิธีฌาปนกิจไปแล้ว เข้าร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนเพื่อขอให้ประสานงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และขอคืนชีวิต เพราะในระบบทะเบียนราษฎรระบุว่า ได้เสียชีวิตไปแล้ว ต่อมา ได เดินทางไปพบกับ นายพรชัย วงศ์งาม นายอำเภอโนนคูณ และนายเฉลิม ณิชกุล ปลัดอาวุโส นางทองพูน ไวยพันธ์ ปลัดอำเภอ ฝ่ายทะเบียน อ.โนนคูณ เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งได้เร่งดำเนินการสอบสวนให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น


ล่าสุด ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ น.ส.กาญจนา ทองสิงห์ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ รักษาราชการแทนประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจ่ายเงินประกันสังคมของ นายสาคร สาชีวะ อายุ 44 ปี หนุ่มใหญ่ที่มีการเข้าใจว่าป่วยเสียชีวิต และมีการเผาศพไปแล้ว โดยเจ้าตัวกลับคืนมาบ้านหลังจากที่ไปทำงานในเรือประมงที่ จ.นครศรีธรรมราช นาน 1 ปี 2 เดือน ซึ่งมีการฌาปนกิจศพชายที่เข้าใจว่าเป็นศพของนายสาคร ไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยทางสำนักงานประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษ ได้จ่ายเงินให้ญาติของนายสาคร ไปรวมจำนวนเงินทั้งสิ้น 90,000 บาท

น.ส.กาญจนา ทองสิงห์ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ รักษาราชการแทนประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการตรวจสอบแล้วพบว่า นายสาคร สาชีวะ ได้เคยไปทำงานในสถานที่หลายแห่ง ล่าสุด ไปทำงานในเรือประมง ซึ่งเมื่อมีการแจ้งว่า นายสาคร เสียชีวิตแล้ว ทางสำนักงานประกันสังคมจังหวัดศรีสะเกษ จึงได้จ่ายเงินให้แก่ญาติของนายสาคร ไปจำนวน 2 รายการ คือ เงินค่าทำศพ 40,000 บาท เงินสงเคราะห์ตาย จำนวน 21,999.80 บาท และเงินกรณีบำเหน็จชราภาพ จำนวน 28,222 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 90,000 บาท โดยจ่ายเงินให้แก่ นางศรี ผู้เป็นแม่ของนายสาคร ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิรับเงินทดแทนไปแล้ว

และเมื่อมีการพบว่า นายสาคร ยังมีชีวิตอยู่ จะต้องมีการเรียกเงินคืนจากนางศรี เป็นเงินจำนวน 90,000 บาท เพื่อส่งคืนให้แก่กองทุนประกันสังคมให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะว่าสิทธิของเงินประกันสังคมนั้นจะให้เฉพาะผู้ที่เป็นทายาทตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ประกันสังคมไปทำความเข้าใจต่อ นายสาคร และครอบครัวเรียบร้อยแล้ว

น.ส.กาญจนา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายสาคร และญาติยังไม่มีเงินทั้งหมดมาคืนให้ได้นั้น จะได้เชิญ นายสาคร มาเจรจาหารือกัน โดยจะดูว่า นายสาคร และญาติพี่น้องมีรายได้เท่าไร หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวันแล้ว จะสามารถมีเงินเหลือจ่ายเงินคืนให้ประกันสังคมได้เดือนละเท่าไร ซึ่ง นายสาคร จะต้องจ่ายเงินคืนให้เพราะว่าเป็นกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

ทางด้าน นายเจริญ เหล็กดี อายุ 55 ปี พี่เขยของ นายสาคร และเป็นผู้ที่จัดงานศพให้แก่ชายที่เข้าใจว่าเป็นศพของ นายสาคร กล่าวว่า ตนเสียค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพให้แก่นายสาคร ไปเป็นเงินรวมประมาณ 140,000 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินที่ได้รับมาทำบุญงานศพไปหมดแล้ว แถมเป็นหนี้อีก 40,000 บาท แต่จะต้องมาจ่ายเงินคืนให้ประกันสังคม แม้ว่าฐานะยากจนโดยจะขอผ่อนผันชำระให้เท่าที่จะทำได้ เพื่อขอให้ตน และครอบครัวมีชีวิตรอดไปวันๆ เท่านั้น


วันนี้เดียวกัน (20 ธ.ค.) ที่ศาลากลางบ้านเหล่าฝ้าย ต.เหล่ากวาง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ นางทองพูน ไวยพันธ์ ปลัดอำเภอ ฝ่ายทะเบียน อ.โนนคูณ ได้เดินทางมาพบกับญาติพี่น้องของนายสาคร สาชีวะ อายุ 44 ปี เพื่อทำการสอบสวนพยานที่จะมาทำการยืนยันว่า นายสาคร เป็นตัวจริงและมีตัวตนอยู่ที่บ้านเลขที่ 44 ม.6 ต.เหล่าฝ้าย โดยได้ทำการสอบปากคำ นางศรี สาชีวะ อายุ 74 ปี แม่ของนายสาคร ที่ชราภาพมากแล้ว และเดินเหินไม่ค่อยสะดวก

จากนั้น ได้สอบปากคำ นางอำพรศรี เหล็กดี อายุ 50 ปี พี่สาวของนายสาคร และสอบปากคำ นายเจริญ เหล็กดี อายุ 55 ปี พี่เขยของนายสาคร นายเกตุ อนันต์ อายุ 45 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเหล่าฝ้าย โดยทุกคนให้การยืนยันว่า นายสาคร เป็นลูกหลานของตน และเป็นคนบ้านเหล่าฝ้ายจริง ซึ่งนายสาคร ได้นั่งกอด และหอมแก้มนางศรี ที่เป็นแม่ด้วยความอบอุ่นใจ หลังจากที่หายจากบ้านไปทำงานบนเรือประมงที่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นเวลา 1 ปี 2 เดือน หลังจากที่ นางศรี ได้ให้ปากคำเสร็จแล้ว นายสาคร ได้เดินจูงมือนางศรี กลับไปบ้านที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร และได้นำเอารูปภาพของตนเองที่มีการเขียนข้อความว่า ชาตะ มรณะ มาให้ผู้สื่อข่าวได้ดูว่าตนเองเป็นคนที่อยู่ในรูปภาพ แต่ว่ายังไม่ได้เสียชีวิตแต่อย่างใด

นางทองพูน ไวยพันธ์ ปลัดอำเภอ ฝ่ายทะเบียน อ.โนนคูณ กล่าวว่า จะต้องทำการสอบปากคำพยานซึ่งเป็นญาติพี่น้อง และผู้นำหมู่บ้านรวมทั้งสิ้น 5 คน จากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐานนำเสนอให้นายอำเภอโนนคูณ เพื่อทราบ และขออนุมัติเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน ก่อนนำเสนอเรื่องไปยังกรมการปกครอง เพื่อขอแก้ไขในระบบข้อมูลทะเบียนราษฎรต่อไป ซึ่งนายอำเภอโนนคูณ ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ เพื่อเป็นการให้การช่วยเหลือนายสาคร อย่างเร่งด่วนตามระเบียบกฎหมายต่อไป

ต่อมา นายนายศิริศักดิ์ แม่นทอง ผู้ใหญ่บ้านเหล่าฝ้าย พร้อมด้วย นายสาคร สาชีวะ ได้นำผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดบ้านเหล่าฝ้าย ต.เหล่ากวาง เพื่อไปตรวจสอบบริเวณที่บรรจุอัฐิของศพที่เข้าใจว่าเป็นศพของนายสาคร และโดนเผาไปแล้ว โดยอัฐิบรรจุอยู่ห่อผ้าสีขาว บรรจุอยู่ในช่องของกำแพงวัดที่กำลังทำการก่อสร้าง และมีการนำเอาอิฐแดงมาบังเอาไว้โดยที่ยังไม่ได้มีการใช้ปูนปิดช่องบรรจุอัฐิแต่อย่างใด

ผู้ใหญ่บ้านเหล่าฝ้าย กล่าวว่า หลังจากที่นายสาคร กลับมาแล้ว ไม่ทราบว่าศพที่เผาไปแล้วนั้นเป็นศพของใคร ดังนั้น จะต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากว่าไม่มีการดำเนินการใดๆ จะทำการเก็บอัฐิของศพที่เผาไปแล้วเอาไว้ที่กำแพงวัดแห่งนี้ตลอดไป


กำลังโหลดความคิดเห็น