ตราด - ผู้อำนวยการ ททท.ตราด เผยปี 60 จ.ตราด มีนักท่องเที่ยวทะลักเข้าพื้นที่ถึง 2.3 ล้านคน ทำเงินสะพัดกว่า 2 หมื่นล้านบาท คาดปีหน้าชูไฮไลต์เที่ยววิถีไทยใน จ.ตราด 21 ชุมชน ทำยอดรายได้พุ่ง
วันนี้ (20 ธ.ค.) น.ส.วรรณประภา สุขสมบูรณ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน จ.ตราด ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ว่า ในปี 2560 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวใน จ.ตราด ที่มีเป้าหมายหลักในการมาเที่ยวที่ 3 เกาะหลักๆของ จ.ตราด คือ เกาะช้าง เกาะกูด และเกาะหมาก รวมทั้งหมู่เกาะอื่นๆ และแหล่งท่องเที่ยวบนฝั่ง จ.ตราด ซึ่งจากการเก็บข้อมูลพบว่า มีนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวที่ จ .ตราด กว่า 2.3 ล้านคน ซึ่งเติบโตขึ้นประมาณ 5-6% โดยมีรายได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท
นับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับ จ.ตราด ที่เป็นจังหวัดเล็กๆ โดยที่พบข้อมูลที่น่าสนใจคือ นักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเดินทางมาเป็นครอบครัว และอยู่นาน 2-3 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย ส่วนนักท่องเที่ยวไทยจะอยู่ประมาณ 5-7 วัน
“เราไม่ต้องการเน้นนักท่องเที่ยวที่ไม่มีคุณภาพ มาแล้วไม่จับจ่าย และไม่พักนาน และเราไม่ต้องการนักท่องเที่ยวที่มีมากเกินไป ซึ่งทั้ง 3 เกาะของ จ.ตราด มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ซึ่งที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว”
ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานตราด กล่าวอีกว่า ในปี 2561 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย วิถีชุมชน ซึ่ง จ.ตราด มีความพร้อมในการรองรับในเรื่องนี้มาก โดยที่ จ.ตราด มีชุมชนที่มีศักยภาพถึง 21 ชุมน แต่ที่จะแนะนำ และมีเอกลักษณ์ในแต่และท้องถิ่นมี จำนวน 10 ชุมชน เช่น บ้านน้ำเชี่ยว ที่เป็นชุมชนที่ได้รับรางวัลด้านการท่องเที่ยวมากมาย และเป็นชุมชนที่มี 3 ศาสนาอยู่ร่วมกันได้ ชุมชนบ้านช้างทูนที่เป็นหมู่บ้านชางชอง และมีวัฒนธรรม เรื่องสปาสุ่มไก่ อาหารพื้นบ้าน และประเพณีของชาวชองที่ไม่มีที่ใดเหมือน
รวมทั้งหาดทรายดำ ที่เป็น 1 ใน 5 ของโลก และมีความเชื่อว่า หมกทรายดำจะทำให้มือเท้าหายปวดเมื่อย ซึ่งยังติดกับพื้นที่บ้านยายม่อม ที่มีวัฒนธรรม และอาหารพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งลานตะบูน ที่บ้านท่าระแนะ ที่มีรากไม้สานกันอย่างสวยงาม และเมื่อถอดรองเท้าเดินจะเสมือนการนวดฝ่าเท้า และสุขภาพจะดีด้วย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายชุมชนที่ ททท.สำนักงานตราด จะเข้าไปส่งเสริมให้มีความเข้มแข็ง