ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - พ่อเมืองโคราช ไม่ลดละความพยายามติดตามปืน M16A1, HK33 กว่า 100 กระบอก หายไปจากกองร้อย อส. นครราชสีมา 1 เมื่อปี 2556-57 ที่มีการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ทางการเมือง เผยมีตำหนิรูปพรรณหมด สักวันต้องนำออกมาใช้ และมั่นใจได้คืน แต่รายงานล่าสุดยังไร้วี่แวว
วันนี้ (20 ธ.ค.) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามอาวุธปืน M16A1 อาวุธปืนเล็กยาว ปลย.11 (HK33) ขนาด 5.56 มม. อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด และอาวุธปืนลูกซองยาวเดี่ยว รวมจำนวนกว่า 100 กระบอก ที่หายไปจากคลังอาวุธของกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดนครราชสีมา ที่ 1 (ร้อย อส.นครราชสีมา 1) ช่วงปี 2556- 2557 ที่มีการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ทางการเมือง ว่า อาวุธปืนที่หายไปทั้งหมดมีการบันทึกตำหนิรูปพรรณไว้หมดทุกกระบอกอยู่แล้ว ซึ่งจังหวัดเองได้ส่งรูปพรรณไปสอบถามทุกหน่วยงานทั้งหมดแล้ว ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพ กอ.รมน. และอื่นๆ โดยเฉพาะที่มีการจับกุมอาวุธปืนสงครามล็อตใหญ่ๆ ทุกครั้งตรวจสอบแล้วไม่ตรงกับอาวุธปืนที่เราหายเลย อาจจะซุกซ่อนเป็นอย่างดี หรืออาจเห็นสถานการณ์การเมืองแบบนี้เลยไม่กล้าเอาขึ้นมาใช้ เพราะเรามีความเข้มงวด
แต่ยังมั่นใจว่า คนที่ขโมยไป หรือคนบงการไม่ได้เอาออกมาใช้ในช่วงที่ผ่านมาเลย อาจซ่อนไว้แบบรวมกัน หรืออาจนำขายออกไปนอกพื้นที่ หรือนอกประเทศแล้วหรือเปล่า ซึ่งการตรวจสอบยังไม่แน่ใจตรงจุดนี้ แต่ก็มีการตรวจสอบในเชิงลึกอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ แม้ว่าทางจังหวัดได้ประกาศตั้งรางวัลผู้แจ้งเบาะแส หรือผู้ที่ทราบข้อมูล ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีใครได้เบาะแสแจ้งเขามาเลย
ทั้งนี้ การดำเนินการมี 2 ส่วน คือ 1.เรื่องการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นด้านทางวินัย ที่ทางกรมการปกครองตั้งกรรมการดำเนินการสอบสวนอยู่ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปออกมา ทางกรมเองพยายามติดตามผล เราเองพยายามติดตามผลกับกรมฯ ตลอดเวลา และทางคดีอาญาจังหวัดมีการฟ้องร้องคนที่เกี่ยวข้องขณะนี้อยู่ในชั้นอัยการจังหวัด ส่วนที่ 2.การติดตามปืนทั้งหมดที่หายไป ทางตำรวจ สภ.จอหอ ท้องที่เกิดเหตุนั้น ด้านงานสืบสวนพยายามติดตามอยู่ พร้อมกับรายงายให้ พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา และทางจังหวัดทราบอยู่เรื่อยๆ
สำหรับในส่วนของคดีนั้น ส่วนหนึ่งเรารอการสอบวินัยว่าไปถึงไหนด้วย แต่ตอนนี้เราดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้นที่มีพยานอ้างอิงส่วนที่ชัดเจนก่อน ส่วนที่จะเกี่ยวข้องถึงใครตนคิดว่า เมื่อมีการสอบสวนทางด้านวินัย หรือสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และใครเกี่ยวข้องก็คงจะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติม
“จากรายงานล่าสุดยังไม่พบ ยังไม่วี่แววของอาวุธปืนเลย ซึ่งถ้ามีวี่แวว หรือมีเบาะแส หรือสงสัยตรงไหนให้แจ้งกัน โดยเรามีการสนธิกำลังตรวจค้นทุกจุดอยู่ตลอดก็ยังหาไม่เจอ และพอมีกระแสข่าวเบาะแส ทั้งที่เป็นข่าวลือ ข่าวลวงมาเราก็เข้าไปตรวจแต่ก็ไม่เจอเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม คิดว่าเรายังมีความหวังที่จะเจอเหมือนกัน แต่อาจต้องใช้เวลาเพราะต้องทำการบ้าน ถ้าปืนอยู่ในประเทศไทย หรืออยู่ในพื้นที่วันหนึ่งต้องเอาออกมาใช้ ซึ่งเรามีตำหนิรูปพรรณไว้หมดแล้ว เมื่อไหร่ที่เอาออกมาใช้ก็จะรู้เลยว่านี่เป็นปืนของเรา และถ้าเราได้เบาะแสเพียงแค่ 1 กระบอก โอกาสที่จะควานหากระบอกอื่นๆ มันง่ายขึ้น” นายวิเชียร กล่าว
นายวิเชียร กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าเป็นการหละหลวมของช่วงระยะเวลาการดูแลควบคุมปืนในช่วงที่ผ่านมา พอเราไปตรวจหาหลักฐานว่ามีการตรวจประจำปีหรือไม่ พบว่า ที่ผ่านมามันไม่มีเลย พอมาตรวจตัดยอดทีเดียวมันจึงหายล็อตเดียวมากกว่า 100 กระบอก อย่างนี้หากก่อนหน้านั้นมีการตรวจสักครั้งหนึ่งว่า เคยอยู่ครบ พอมาตรวจครั้งนี้หายไปมันก็พอจะพบได้ ตอนนี้จึงทำให้เราไม่แน่ในว่าเป็นลักษณะหยิบยืมไปใช้ หายไปเป็นระลอกๆ หรือเปล่า
ส่วนทางคดีเกี่ยวกับผู้ต้องหา ณ วันนี้ ผู้ต้องหาเขาให้การปฏิเสธหมดมันก็เลยไม่มีประจักษ์พยานที่ยืนยันชัดเจน ส่วนการดำเนินการลงโทษทางวินัยต่างๆ ก็ดำเนินการต่อบุคคลที่รับผิดชอบโดยหน้าที่ในช่วงนั้นไปก่อน ซึ่งตนแปลกใจมากว่าปืนจำนวนมากหายไปได้อย่างไร ยังคิดว่าคนรู้เห็นจะปกปิดกันได้มากขนาดนี้หรือ ยังแปลกใจอีกว่ามันจะมีใครที่ปิดความลับได้ เพราะเอาแค่ 2 คน ยังไงวันหนึ่งความลับก็ต้องรั่ว แต่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในการดูแลของคนจำนวนมากกลับไม่มีคนเห็น ซึ่งทางจังหวัด กับทางตำรวจก็มีการประชุมเรื่องนี้ 1-2 เดือนครั้ง ในด้านความคืบหน้าของการติดตามหาปืน ซึ่งก็เห็นใจฝ่ายตำรวจเพราะเราโยนไปให้เขาตามหา
สำหรับเจ้าหน้าที่ที่คาดว่าจะรู้เห็น หรือบกพร่องต่อหน้าที่ หรือถูกให้การพาดพิงว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการขนย้ายปืนดังกล่าวรวม 9 คน เป็นเจ้าหน้าที่ อส. 5 คน ที่เหลือเป็นข้าราชการ
