เชียงราย - กลุ่ม “กะตะธานี” เดินหน้าเทงบเพิ่มอีก 300 ล้าน ปรับ “ดุสิตไอส์แลนด์ฯเชียงราย” ใหม่หมด เริ่ม 1 เมษาฯนี้ ก่อนขึ้นป้ายชื่อใหม่ “เดอะริเวอร์รีฯ” พร้อมชื่อจีน “ลี่เจียง ต้าจิ่วเตี้ยน” เชื่อมแพกเกจภูเก็ต - พังงา ดึงลูกค้าพรีเมียมขึ้นเหนือ - รับท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขง
นายสมบัติ อดิเศรษฐ์ ประธานบริหารกลุ่มโรงแรมกะตะธานี คอลเล็คชั่น และครอบครัว พร้อมด้วย ผู้บริหารชุดใหม่ของโรงแรมดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ท เชียงราย ริมฝั่งแม่น้ำกก อ.เมืองเชียงราย ได้แถลงเปิดตัวการเข้าซื้อกิจการและบริหารโรงแรมแห่งนี้อย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆ นี้
โดยมีการแจกเอกสารที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ประวัติการเข้าสู่ธุรกิจของนายสมบัติและกิจการต่างๆ ในเครือ ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานธุรกิจในพื้นที่ภาคใต้เป็นหลัก ทั้งธุรกิจไม้และอุตสาหกรรมไม้ ไม้อัด และโรงแรม อยู่ที่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต รวม 6 แห่ง
นายสมบัติ เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ตั้งแต่จีนตอนใต้ เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีบทบาทมากในภูมิภาคเอเชีย และหลายประเทศก็ตื่นตัว โดยมีการลงทุนหลายด้านทั้งสนามบิน รถไฟความเร็วสูง ฯลฯ
ส่วนเชียงรายยังเป็นเมืองธรรมชาติงดงาม เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมล้านนาที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนที่อื่นรวมทั้งมีความเป็นโบราณสถาน ตนจึงตัดสินใจขยายธุรกิจโรงแรมมาทางภาคเหนือที่ จ.เชียงราย โดยเข้าซื้อโรงแรมดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ท เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. 2559 จากนั้นจะพัฒนาปรับให้เป็นสไตล์ของกะตะธานี คอลเล็คชั่น
“รวมทั้งที่เข้าเทกโอเวอร์ และพัฒนาแล้ว จะใช้เงินลงทุนราว 1,400 ล้านบาท โดยจะมีการปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 31 ก.ค. นี้ เป็นเวลา 4 เดือน”
นายสมบัติ บอกว่า จะมีการปรับปรุงภายในโรงแรมใหม่ทั้งหมด ให้เป็นรูปแบบไทยร่วมสมัย ผสมผสานความเป็นล้านนา เพิ่มอุปกรณ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ปรับปรุงห้องน้ำทั้งระบบ แบ่งระดับห้องพักใหม่ ยกระดับห้องอาหาร สระว่ายน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบไฟฟ้า ลิฟท์ ความปลอดภัย ฯลฯ โดยใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อให้เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ได้มาตรฐานสากล
โดยจะยังคงใช้ชื่อโรงแรมดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ท เชียงาย ไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2561 จากนั้นจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อว่า “โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี” และใช้ชื่อภาษาจีนว่า “ลี่เจียง ต้าจิ่วเตี้ยน” แปลว่า “แม่น้ำที่งดงาม” เพราะตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำใจกลางเมืองเชียงรายพอดี
“เราจะเป็นโรงแรม 5 ดาวอย่างแท้จริง เพื่อมุ่งไปที่กลุ่มผู้เข้าพักระดับกลางถึงบน เพราะในอดีตนักท่องเที่ยว เมื่อเข้าพักที่เชียงรายแล้ว มักจะอยู่แค่ 2 - 3 คืน เที่ยวเสร็จแล้วก็กลับ แต่ถ้าเรามีสิ่งอำนวยความสะดวกควบคู่ไปกับการมีวัฒนธรรม ของเก่าแก่โบราณ ฯลฯ ให้ได้ท่องเที่ยวก็คงจะอยู่ได้นานขึ้นแน่นอน”
นายสมบัติ กล่าวอีกว่า การขยายกิจการที่เชียงรายครั้งนี้ จึงเป็นการร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยว เพิ่มมูลค่าโดยไม่แข่งขันกับห้องพักโรงแรมต่างๆ เพราะเราเน้นตลาดระดับบน และกลาง ซึ่งราคาห้องพักก็จะสอดคล้องกับการปรับมาตรฐาน แต่ก็จะมีระดับคนไทยและต่างประเทศด้วย ซึ่งหากเป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง - ล่าง ก็ไปใช้บริการที่อื่นได้อย่างมากมายทำให้ไม่เกิดการกระจุกตัว แต่กระจายรายได้ร่วมกัน
นอกจากนี้ เราจะเน้นเชื่อมกับโรงแรมในเครือที่มีอยู่แล้ว 6 แห่ง ทั้งที่ภูเก็ต และพังงา ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงเข้าใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มยุโรป ออสเตรเลีย และช่วงหลังมีชาวจีนมากขึ้น ซึ่งรูปแบบคือ การพักผ่อนยาวริมชายทะเล
อย่างไรก็ตาม พบว่า นักท่องเที่ยวเหล่านี้ บางส่วนก็เดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือ หรือจากภาคเหนือไปเที่ยวที่ภาคใต้ด้วย ดังนั้น เมื่อเรามีโรงแรมที่เชียงราย ก็สามารถจัดทำเป็นแพกเกจเชื่อมถึงกันได้ด้วย โดยตนจะพยายามดึงลูกค้าที่ภาคใต้มายังเชียงราย ให้ได้มากที่สุดต่อไป