นครพนม - อดีตเมียหนุ่มมะเร็งเบ้าตาแจงไม่เคลียร์ปมเชิดเงินบริจาคช่วยผัวเกือบ 10 ล้านบาทหนี ทั้งพ่อทั้งแม่ออกโรงรับแทน อ้างเบิกใช้จ่าย ซื้อรถสร้างบ้านล้วนทำเพื่อผู้ป่วยทั้งนั้น พร้อมขึ้นเบิกความต่อศาลหลังถูกฟ้อง ด้านสภาพความเป็นอยู่ของหนุ่มผู้อาภัพสุดอนาถา ญาติจวกซ้ำหลังมีเงินบริจาคไหลเข้าบัญชีทางบ้านอดีตเมียใช้เงินฟุ้งเฟ้อ
กรณี นายประเสริฐ คำมุงคุณ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 2 บ้านโสกแมว ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ร้องเรียนผ่านสื่อว่าลูกชายคือ นายเดชฤทธิ์ หรือน้องมอส คำมุงคุณ อายุ 24 ปี ผู้ป่วยโรคมะเร็งในโพรงจมูก ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังทางโทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์เมื่อกลางปี 2559 นั้น ภายหลังถูกอดีตภรรยาของผู้ป่วยคือ น.ส.พัชรีพร สุวรรณพรม หรือ “น้องป๊อบปี้” อายุ 21 ปี หอบเงินบริจาคเกือบ 10 ล้านบาทหนีไปอยู่บ้านพ่อแม่ โดยไม่ยอมมาเหลียวแลบุตรชายของตน และนำเงินดังกล่าวไปใช้ในทางที่ผิดเจตนารมณ์ของผู้ใจบุญทั่วประเทศ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 159 หมู่ 2 บ้านโสกแมว อยู่ริมถนนเปรมประชา สายดอนสวรรค์-ดงหลวง พบนายประดิษฐ์ สุวรรณพรม อายุ 39 ปี พ่อ และนางทองม้วน สุวรรณพรม อายุ 38 ปี ผู้เป็นแม่ และน้องป๊อบปี้อยู่ในบ้านพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว โดยสีหน้าของน้องป๊อบปี้มีความกังวล นั่งก้มหน้าพยายามหลบกล้องผู้สื่อข่าวตลอดเวลาเมื่อถูกซักถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่นายประดิษฐ์จะตอบแทน โดยมีนางทองม้วนเล่าเพิ่มเติมเป็นบางครั้ง
นายประดิษฐ์ อดีตพ่อตาของนายเดชฤทธิ์เปิดเผยว่า ลูกสาวอยู่กินกับนายเดชฤทธิ์ หรือน้องมอสเป็นเวลา 5 ปี ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงิน (ค่าดอง) สินสอดทองหมั้นใดๆ โดยอาศัยอยู่บ้านตนตลอด เมื่อป่วยมีแต่พ่อตาแม่ยายที่พาไปหาหมอ ไม่เห็นมีฝ่ายครอบครัวของนายประเสริฐมาเหลียวแล จนเป็นข่าวโด่งดังถึงได้แวะมาเยี่ยม
ส่วนเงินที่ได้รับบริจาคก็ถอนออกมาใช้จ่ายเฉพาะเรื่องการรักษาอาการเจ็บป่วยของลูกเขย ส่วนที่บอกว่าไปซื้อรถกระบะ และสร้างบ้านนั้น นายเดชฤทธิ์ต่างหากเป็นคนบอกให้ซื้อให้สร้าง ถึงขณะนี้ทางครอบครัวตนก็ยังไม่ทราบว่าบัญชีของลูกสาวถูกอายัด ก็พร้อมจะไปเบิกความต่อศาลจังหวัดนครพนมในวันที่ 22 ม.ค. 61
เมื่อถามต่อถึงเงินในบัญชีกว่า 2 แสนบาทที่ทาง อบต.อุ่มเหม้าเปิดไว้นั้นทำไมถึงไม่ไปถอนให้ทางครอบครัวอดีตสามี ซึ่งต้องลงลายมือชื่อถอนร่วมกัน 3 คน ประกอบด้วย นายเผย คำมุงคุณ นายก อบต.ฯ นายประเสริฐ คำมุงคุณ และ น.ส.พัชรีพร นายประดิษฐ์อ้างว่าทนายสั่งไว้ห้ามไม่ให้ไปถอนเพราะอาจจะถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ ตนกลัวจึงไม่ยอมให้ลูกสาวไปเซ็นชื่อร่วมถอน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถาม น.ส.พัชรีพร หรือน้องป๊อบปี้ ว่าต้องการจะบอกอะไรกับนายเดชฤทธิ์ หรือน้องมอสบ้าง ได้รับคำตอบเพียงสั้นๆ ว่า หากให้กลับไปอยู่ด้วยกันอีกคงต้องขอคิดดูก่อน พร้อมกับก้มหน้าร้องไห้ เมื่อถามต่อถึงคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดังที่ยื่นมือเข้ามาระดมทุนช่วยเหลือทราบเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่
น้องป๊อบปี้ส่ายหน้าอ้างว่าไม่มีเบอร์โทรศัพท์คุณบิณฑ์ ผู้สื่อข่าวจึงมอบเบอร์โทร.ของ คุณบิณฑ์ให้น้องป๊อปปี้เพื่อจะได้โทร.ชี้แจงรายละเอียด
หลังจากนั้นกลุ่มผู้สื่อข่าวได้ย้อนกลับไปยังบ้านของนายเดชฤทธิ์หรือน้องมอสอีกครั้ง เป็นเวลาเดียวกับที่น้องมอสปวดท้อง นายประเสริฐจึงจูงมือลูกชายไปหลังบ้าน ซึ่งนำลำไม้ไผ่ทำเป็นราวให้เกาะจนถึงหน้าประตูห้องน้ำ มีลักษณะจะพังมิพังแหล่ เสายังต้องใช้ไม้มาค้ำ ไม่มีการมุงหลังคา
จึงถามทำไมไม่ปรับปรุงให้ดีกว่านี้ นายประเสริฐตอบว่าจะเอาเงินที่ไหนมาซ่อม เพราะลูกสะใภ้ไม่เคยมาเหลียวดู หรือช่วยเหลือค่าใช้จ่าย รู้ทั้งรู้ครอบครัวของตนลำบากแค่ไหน ไม่น่าจะมาซ้ำเติมกัน
ด้าน นางเมย์ลิษา คำมุงคุณ อายุ 41 ปี น้าสาวของน้องมอสเล่าเพิ่มเติมว่า ทางครอบครัวรู้ดีว่าควรจะดำเนินชีวิตกันอย่างไร เคยกินเคยนอนแบบไหนก็คงเป็นเช่นนั้น ผิดกับบางคนเห็นเงินไหลเข้าบัญชีเป็นล้าน แค่วันแรกก็รีบลาออกจากงานทันที ใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ไม่คำนึงถึงผู้บริจาคเขามีเจตนาต้องการช่วยเหลือหลานชาย ไม่ใช่ช่วยเหลือครอบครัวพวกเขา
พอถูกถามหนักๆ เข้าก็ตีโพยตีพายไล่ให้ไปฟ้องร้องเอา หลังเกิดเรื่องฟ้องร้องได้มีคนเข้ามาขอไกล่เกลี่ย เงินที่เหลือในบัญชีปัจจุบัน 5,700,000 บาท ทางครอบครัวของน้องป๊อปปี้ขอแบ่ง 1 ใน 3 ตนขอบอกเลยว่าพวกคุณเอาไปใช้ปู้ยี่ปู้ยำราวเศษกระดาษไปแล้วกว่า 3 ล้านบาทยังไม่หนำใจอีกหรือ จึงให้อยู่ในดุลพินิจของศาลสถิตยุติธรรมว่าท่านพิจารณาตัดสินอย่างไร พวกตนพร้อมน้อมรับ