ศูนย์ข่าวศรีราชา - สองจังหวัดภาคกลางจัดกิจกรรมเปิดตลาดประชารัฐท้องถิ่น สร้างเม็ดเงินรายได้ให้ประชาชนและชุมชนอยู่ได้อย่างยั่งยืน
วันนี้ (5 ธ.ค.) นายศักดา บรรดาศักดิ์ นายอำเภอเมืองอ่างทอง ได้เปิดตลาดประชารัฐท้องถิ่นสุขใจวิถีชุมชนคนบ้านแห งานมหกรรมผลผลิตกล้วยๆๆๆ ที่ผลผลิตกล้วยหลายหลายชนิดมาจำในตลาดประชารัฐ ที่บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแห อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เพื่อให้เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจากการไม่มีสถานที่ค้าขายได้มีที่จำหน่ายสินค้าเพื่อสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว
ด้าน นายสัมพันธ์ ทองลิ่ม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแห กล่าวว่า ตำบลบ้านแห ถือเป็นแหล่งสำคัญในการผลิตกล้วยที่หลากหลาย นับตั้งแต่ รับจ้างปลูก ขายหน่อ ตัดใบขาย ตัดเครือขาย จนกระทั่งสู่การแปรรูปขายเพื่อเพิ่มมูลค่า จึงนับว่าแหล่งผลิตสำคัญในเรื่องของกล้วย นอกจากนี้ในตำบลบ้านแหยังมีพันธุ์กล้วยหลากหลายชนิด เช่น กล้วยน้ำหว้ามะลิอ่อง กล้วยกาบเขียว กล้วยไข่ กล้วยหอม กล้วยหักมุข กล้วยเทพพนม กล้วยนาก กล้วยตานี
โดยการเปิดตลาดประชารัฐท้องถิ่นสุขใจในครั้งนี้ ประชาชนในท้องถิ่นได้พร้อมใจกันนำผลิตภัณฑ์จากกล้วยทั้งของกินของใช้ อาหารคาว หวานที่ทำจากกล้วยออกมาจัดจำหน่ายให้เลือกซื้อ ในไฮไลท์ของตลาดคืองานมหกรรมกล้วยๆๆๆ เช่น แกงกล้วย ห่อหมกกล้วย โดนัทกล้วย กล้วยทอด กล้วยปิ้ง เรียกว่า ต้ม ผัด แกง ทอดกล้วย เพื่อเป็นอาหารคาวและหวานในการจำหน่ายต่อไป
และที่ตลาดหลวงปู่ทวด อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสาวรัตนา เธียรวิศิษฎ์สกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงพานิชย์ เป็นประธานเปิด “ตลาดประชารัฐต้องชม” โดยมีนางสุวรรณา ชนินทร์วณิชย์ พาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวรายงาน มีหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นางสาวรัตนา ผู้ตรวจราชการกระทรวงพานิชย์ กล่าวว่ากระทรวงพาณิชย์ได้คัดเลือกตลาดหลวงปู่ทวดเป็นตลาดประชารัฐต้องชมตามแนวนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ตลาดชุมชนหรือตลาดประชารัฐ เป็นแหล่งที่เกษตรกรหรือผู้ประกอบการได้มีที่ค้าขาย มีที่ขายสินค้า เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจทางท้องถิ่น เป็นการสร้างงานสร้างรายได้สร้างอาชีพให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่หรือเกษตรกรในพื้นที่คือเป้าหมายที่สำคัญ
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้คัดเลือกตลาดหลวงปู่ทวดเป็นตลาดประชารัฐต้องชมตามแนวนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้ดำเนินการตามโครงการตลาดประชารัฐเพื่อบูรณาการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในรูปแบบประชารัฐในการส่งเสริมตลาดชุมชนโดยการพัฒนาตลาดใหม่และบริหารจัดการเพิ่มพื้นที่ในตลาดที่มีอยู่เดิมเพื่อให้เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจากไม่มีสถานที่ค้าขายและมีพื้นที่ในการค้าขาย
สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แบ่งการปกครองออกเป็น 16 อำเภอ 209 ตำบล 1,459 หมู่บ้าน ประชากรรวม 810,767 คน 312,172 ครัวเรือน ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 475,795 บาทต่อปี สูงเป็นลำดับที่สี่ของประเทศและลำดับที่ 2 ของภาคกลาง ต่อจากกรุงเทพมหานครฯ โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวม 413,158 ล้านบาท ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร รายได้ส่วนใหญ่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมโดยคิดเป็นร้อยละ 61.42 ของรายได้
