xs
xsm
sm
md
lg

สาววัย 40 ปีฝากเตือนภัยแก๊งโจรหื่นอ้างเป็น จนท.จับลูกชายยัดยาบ้า ต่อรองร่วมหลับนอนกับแม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อุบลราชธานี - โจรหื่นจับลูกชายยัดยาบ้าขอแลกกับการมีเพศสัมพันธ์กับแม่ แต่แม่เหยื่อสงสัยเข้าหาตำรวจจริง วางแผนล่อให้คนร้ายมาพบที่รีสอร์ต แต่ไหวตัวทันไม่มาตามนัด ก่อนปล่อยตัวลูกชายที่จับไว้เป็นอิสระ ก่อนกลับมาเปิดเผยเรื่องราวเพื่อเตือนให้คนในสังคมระมัดระวังพฤติกรรมคนร้าย

วันนี้ (5 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุบลราชธานีรายงานหลังได้รับการประสานจากเพจมีด่านบอกด้วยอุบลราชธานี ให้ช่วยนำเสนอข่าวเตือนภัยสังคมกรณีมีหญิงสาววัย 16 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวและลูกสาวของตนผู้ตกเป็นเหยื่อชาวอำเภอเขมราฐ ถูกจับเรียกค่าไถ่ โดยแลกกับการให้คนเป็นแม่ไปร่วมหลับนอนกับคนร้าย ได้แจ้งข้อมูลเข้ามาทางเพจมีด่านบอกด้วยอุบลราชธานี

ต่อมาเมื่อเข้าสอบถามนางหน่อย นายพงษ์ และ น.ส.มิน (นามสมมติ) 3 คนแม่ลูกเล่าว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเช้าตรู่วันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างนายพงษ์ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปหาภรรยาที่ จ.อุดรธานี โดยใช้เส้นทางถนนยุทธศาสตร์เลียบแม่น้ำโขง อำเภอเขมราฐ-จ.มุกดาหาร

เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณลำห้วยชู บ้านสามแยกถ้ำเสือ ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ พบชาย 3 คนใช้รถกระบะโตโยต้า สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน แต่งกายคล้ายตำรวจ 1 คน อีก 2 คนแต่งกายด้วยชุดลายพรางแบบทหาร เรียกให้หยุดรถและขอตรวจค้นบริเวณกระเป๋าสะพายหลัง ก็บอกว่าพบยาบ้าจำนวน 10 เม็ดซุกซ่อนอยู่ พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบ


นายพงษ์ได้บอกกับชายกลุ่มดังกล่าวว่า ยาบ้าที่พบไม่ใช่ของตนเองเพราะไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ชายที่แต่งกายคล้ายตำรวจก็บอกให้นายพงษ์โทรศัพท์ไปหานางหน่อยมารดา โดยขอให้นางหน่อยรับเฟซเป็นเพื่อนกับชายคนดังกล่าว เพราะจะมีข้อเสนอในการปล่อยตัวนายพงษ์ให้เป็นอิสระ

หลังนางหน่อยรับเฟซชายคนดังกล่าว ก็ได้มีการพูดคุยผ่านโปรแกรมเฟซบุ๊ก โดยชายคนนั้นแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดสถานีตำรวจอำเภอดอนตาล จ.มุกดาหาร พร้อมข่มขู่จะดำเนินคดีต่อนายพงษ์บุตรชาย อย่างน้อยต้องติดคุก 5-6 ปี และต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายทางคดีอีกไม่น้อยกว่า 3 แสนบาท พร้อมยอมรับว่ายาบ้าที่อ้างว่าพบจากกระเป๋าสะพายของลูกชายนั้นเป็นยาบ้าที่ลูกน้องของชายคนดังกล่าวยัดให้นายพงษ์เอง

แต่ถ้าไม่ต้องการให้มีเรื่องมีราวและต้องการให้ปล่อยตัวลูกชาย นางหน่อยต้องมาร่วมหลับนอนกับชายคนนั้นเป็นการแลกเปลี่ยน ทำให้นางหน่อยสงสัยในพฤติกรรม จึงปรึกษากับครอบครัวและสอบถามไปยังสถานีตำรวจดอนตาล จ.มุกดาหาร มีการจับตัวนายพงษ์ไว้หรือไม่ ซึ่งทางสถานีตำรวจแจ้งว่าไม่มีการจับกุมตัว


นางหน่อยจึงเล่าเรื่องให้ฟังและเดินทางไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างนั้นคนร้ายก็ได้ทักเฟซบุ๊กเข้ามาสอบถามนางหน่อยอีกว่า ยินดีรับข้อเสนอของตนหรือไม่

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้วยจึงแสร้งให้นางหน่อยรับทำตามความต้องการ โดยจะไปเปิดห้องรออยู่ในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง และให้คนร้ายมาพบเพื่อร่วมหลับนอนกัน โดยมีการวางกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบไว้รอจับตัวคนร้าย จนเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงไม่เห็นคนร้ายมาพบ

นางหน่อยจึงได้สอบถามคนร้ายทางเฟซบุ๊กว่าจะมาหาหรือไม่ ซึ่งคนร้ายตอบกลับมาว่ามีตำรวจอยู่เต็มรีสอร์ต และได้ปล่อยตัวนายพงษ์บุตรชายไปแล้ว พร้อมกำชับนางหน่อยอย่าให้การใดๆ กับเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะตามไปทำร้ายนางหน่อยและลูกสาวที่บ้านด้วย

สาเหตุที่นางหน่อยออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เพราะเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเกรงคนร้ายจะไปทำกับคนอื่นอีก แต่ก็ไม่ต้องการเอาเรื่องเอาราวกับคนร้ายที่ก่อเหตุเพราะไม่ได้เสียหายอะไรมาก มีเพียงเงิน 500 บาทของลูกชายที่คนร้ายเอาไปเปิดรีสอร์ตใช้ขังลูกชายไว้เท่านั้น

ด้านนายพงษ์ ลูกชายนางหน่อยเล่าว่า หลังถูกกลุ่มชายดังกล่าวควบคุมตัวก็ใช้ผ้าปิดตานำรถจักรยานยนต์นายพงษ์ที่ขี่มาขึ้นท้ายกระบะ และตัวนายพงษ์ไปไว้ที่แห่งหนึ่ง ซึ่งคาดเป็นรีสอร์ตตั้งอยู่แถวถนนอำเภอเขมราฐ-จ.อำนาจเจริญ ระหว่างถูกคุมตัวอยู่ในห้องคนร้ายได้นำน้ำที่มีรสชาติขมมาให้ดื่ม ทำให้มีอาการมึนงงและง่วงนอน แต่ได้ยินคนร้ายพูดคุยกันบางตอนต่อว่า คนเป็นลูกพี่ทำไมต้องทำอย่างนี้ ไม่งั้นก็ได้เงินไปใช้กันแล้ว

จนไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าใดก็ได้ยินคนร้ายบอกว่า จะปล่อยตัวนายพงษ์ให้หาทางกลับไปบ้านเอง โดยได้ทิ้งรถและโทรศัพท์นายพงษ์ไว้ให้ด้วย หลังจากนั้นก็หลับไป มารู้สึกตัวอีกทีเช้าวันต่อมา จึงขี่รถออกมาจากรีสอร์ตมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยจำไม่ได้ว่ารีสอร์ตดังกล่าวตั้งอยู่ที่ใด ทราบเพียงว่าตนเองขี่รถมุ่งหน้ามาตามถนน จ.อำนาจเจริญ-เขมราฐ

เพราะยังมีอาการมึนงงกับฤทธิ์ยาที่คนร้ายผสมน้ำให้ดื่ม แม้ขี่รถกลับมาถึงบ้านก็ยังมีอาการง่วงนอนอยู่

จึงอยากฝากบอกผู้ใช้รถผ่านเส้นทางยุทธศาสตร์เขมราฐ-จ.อำนาจเจริญ หากมีคนแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่เรียกให้หยุดรถในที่เปลี่ยวไม่ควรหยุดรถ เพราะไม่รู้เป็นเจ้าหน้าที่หรือเป็นคนร้าย หากเป็นเจ้าหน้าที่จริง และต้องการจับกุมก็คงขับรถไล่ติดตามเอาเอง นายพงษ์กล่าวเตือนในที่สุด

กำลังโหลดความคิดเห็น