เชียงใหม่ - เกิดเหตุระทึก แรงงานก่อสร้างหนุ่มไทใหญ่สัญชาติพม่าคลั่งหนัก แทงเมียคู่ชีวิตเจ็บสาหัส ก่อนจุดไฟเผาแคมป์ที่พักตัวเอง พอเจ้าหน้าที่เข้าสกัดเพลิงระงับเหตุกลับต่อสู้ขัดขืนถือมีดยิงหนังสติ๊กใส่หนุ่มดับเพลิงเจ็บ 1 ให้เพื่อนช่วยเจรจายังไม่ยอม จนต้องฉีดน้ำใส่จึงยกมือยอมให้คุมตัวได้
วันนี้ (2 ธ.ค.) ร.ต.อ.ธนัช ต๊ะพรม รอง สวป.สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุคนคลุ้มคลั่งเผาบ้านพักคนงาน เลขที่ 125 หมู่ที่ 3 ต.ดอนแก้ว อ.สารภี ทำร้ายเมียจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อเวลา 07.30 น.เศษที่ผ่านมา จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนนำกำลังเข้าไประงับเหตุ พร้อมกับกู้ภัยดอนแก้ว, หนองแฝก และรถดับเพลิงจำนวน 2 คัน
ที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย คือ นางปากจา ลุงทุน อายุ 40 ปี ชาวไทใหญ่ สัญชาติพม่า ถูกอาวุธมีดปลายแหลมแเทงเข้าที่ซี่โครงด้านซ้ายบาดเจ็บสาหัส กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายสายทุน อายุ 40 ปี ชาวไทใหญ่ที่เป็นสามีนางปากจา แทงภรรยาตัวเองแล้วลงมือเผาบ้านพัก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงฉีดน้ำดับไฟ
แต่ระหว่างนั้นนายสายทุนกลับใช้หนังสติ๊กยิงออกมาจากในห้องพักถูกนายฐิติพงศ์ ขันสุยะ อายุ 21 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยเทศบาลตำบลดอนแก้ว ได้รับบาดเจ็บบริเวณโหนกแก้มใต้ตาด้านขวา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกู้ภัยได้พยายามจะเข้าไปจับกุม แต่นายสายทุนยังคงพยายามขัดขืนด้วยการยิงหนังสติ๊ก และใช้อาวุธมีดปลายแหลมที่ใช้แทงภรรยาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตลอดเวลาจนไม่สามารถจับกุมตัวได้ เจ้าหน้าที่จึงใช้เพื่อนคนงานด้วยกันเข้าเจรจา แต่นายสายทุนก็ยังไม่ยอมให้เข้าควบคุมตัว
เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้น้ำแรงดันสูงฉีดใส่นายสายทุนจนอ่อนเพลีย และยกมือยอมให้ควบคุมตัวในที่สุดหลังก่อเหตุยาวนาน 3 ชั่วโมงเต็มๆ
ากการสอบถามเพื่อนคนงานกล่าวว่า นายสายทุนมักจะมีอารมณ์โมโหทะเลาะกับภรรยาอยู่เป็นประจำเรื่องภายในครอบครัว เมื่อโมโหก็จะอาละวาดอย่างหนัก จนกระทั่งในวันนี้เกิดอาการคลุ้มคลั่งมากจึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว
ขณะที่นายมน ลุงมู น้องเขยชายผู้ก่อเหตุ ซึ่งพักอยู่ในบริเวณเดียวกัน บอกว่า นายสายทุน พี่เขย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศพม่า มีหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องเข้ามาทำงานก่อสร้างได้ประมาณ 20 วัน และวันนี้เกิดคลุ้มคลั่งโดยไม่ทราบสาเหตุ คาดว่าน่าจะเครียดเรื่องสถานที่ทำงานจนเกิดทะเลาะกับภรรยา และใช้มีดแทงเข้าสีข้างภรรยา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาระงับเหตุดังกล่าว