ศูนย์ข่าวศรีราชา - ปธ. สภาเมืองพัทยา ฉะระบบ CCTV พัทยา “ดีแต่ซื้อ ดีแต่สร้าง ดีแต่ซ่อม แต่ไม่มีการดูแล” วอนฝ่ายบริหารเร่งบูรณาการรื้อระบบ หวังเพิ่มประสิทธิภาพเร่งด่วน หลังตอบกระแสสังคมไม่ได้
วันนี้ (1 ธ.ค.) เมืองพัทยา ได้จัดการประชุมสภาเมืองพัทยา โดยมี พลตรี ภพอนันฒ์ เหลืองภานุวัฒน์ รองประธานสภาเมืองพัทยา อภิปรายวาระที่ยื่นกระทู้ถามฝ่ายบริหาร กรณีแผนการบำรุงเฝ้าระวัง และการบูรณาการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV เมืองพัทยาว่าระบบดังกล่าว เป็นแผนตามนโยบายของรัฐบาล ด้านความมั่นคง ซึ่งในส่วนของเมืองพัทยาได้ขอจัดสรรงบประมาณและดำเนินการติดตั้งกล้อง โทรทัศน์วงจรปิดมาเป็นเวลานาน รวมจำนวนกล้องกว่า 2,000 จุด แต่กลับพบว่าปัจจุบันกล้องส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้การได้ จึงอยากให้มีการจัดแผนและดำเนินการบริหารจัดการเร่งด่วน
ขณะที่ นายสุรศักดิ์ จันทรสมบูรณ์ ผู้อำนวยส่วนเทคโนโลยีและสารสนเทศ สำนักยุทธศาสตร์และงบ ประมาณเมืองพัทยา เปิดเผยว่าระบบกล้องวงจรปิดหรือ CCTV ของเมืองพัทยา เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548 ในแผนการจัดทำรวม 32 โครงการ ซึ่งปัจจุบันมีระบบกล้องที่ติดตั้งทั่วเขตเมืองพัทยากว่า 2,023 จุด แต่กล้องเหล่านี้ส่วนใหญ่มีภารกิจที่แตกต่างกันและแยกสัดส่วนในการดูแลในของแต่ละส่วนงาน จึงทำให้การซ่อมบำรุงและดูแลรักษามีปัญหา กระทั่งต่อมาได้มีการจัดทำห้องควบคุมหรือ CCR ในปี 2549
โดยจ้างภาคเอกชนเข้ามาบริหารและควบคุมระบบทั้งหมด พร้อมการจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำแผนประกันและซ่อมบำรุงกล้องทั้งระบบ ซึ่งมีเป้าหมายจะต้องใช้งานได้ในสัดส่วน 95 % กระทั่งปี 2559 ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้ท้วงติงถึงการใช้งบประมาณดังกล่าวว่าไม่เหมาะสมจึงต้องยกเลิกไป กรณีนี้ทำให้เมื่อกล้องของแต่ละส่วนงานเกิดการชำรุดหรือเสียหายก็คงต้องมอบหมายให้แต่ละส่วนงานเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขไปก่อน ก่อนจะเสนอเพื่อรวบรวมกล้องทั้งหมดให้มาอยู่ในการดูแลของสำนักยุทธศาสตร์ เพื่อหาแผนหรือแนวทางแก้ไขต่อไป
สำหรับปัญหากล้องวงจรปิดหรือ CCTV ที่เสียหายเป็นจำนวนมากนั้น เกิดขึ้นเพราะด้วยระบบดังกล่าวใช้การเชื่อมต่อสัญญาณด้วยสายไฟเบอร์ออฟติกที่พาดผ่านไปบนเสาไฟฟ้าสาธารณะ แต่ก็พบว่าที่ผ่านมามักมีปัญหาการลัดวงจรปิดและเพลิงไหม้บนเสาไฟฟ้าบ่อยครั้ง ทำให้ระบบเกิดความเสียหาย และปัจจุบันสามารถใช้งานได้เพียง 43 % ก่อนจะเร่งแก้ไขจนได้ 48 % ในช่วงกิจกรรมสวนสนามทางเรือเพื่อใช้ในภารกิจด้านความมั่นคงปลอดภัย อย่าไงรก็ตามในงบประมาณอุดหนุนปี 2561 นี้ก็มีแผนในการติดตั้งกล้องเพิ่มในพื้นที่สำคัญและการปรับเปลี่ยนกล้องในส่วนที่ชำรุดต่อไป
ด้าน นายอนันต์ อังคณาวิศัลย์ ประธานสภาเมืองพัทยา กล่าวว่าระบบวงจรปิดของเมืองพัทยา เป็นปัญหาที่มีมานานตั้งแต่ช่วงที่สภาเมืองพัทยาชุดปัจจุบันเข้ามาทำงาน ซึ่งพบว่าสัดส่วนของกล้องที่ใช้งานได้มีเพียงไม่ถึง 50 % จากจำนวนกล้องถึง 2,000 กว่าจุด ซึ่งจากการสอบถามข้อมูล รายละเอียดปัญ หาที่ผ่านมา ผู้เกี่ยวข้องก็มีการตอบคำถามแบบวกวน ไม่ชัดเจน ในเรื่องของการบริหารจัดการและการแก้ ไขปัญหา สุดท้ายก็จะมีแต่โครงการการในการขอจัดสรรงบประมาณเพื่อติดตั้งกล้องเพิ่มเติม ขณะที่ของเก่านั้นยังไม่ได้มีการแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงทำให้ปริมาณกล้องที่ใช้งานได้มีเพียงจำนวนน้อย ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเป็นกระแสทางลบที่เกิดขึ้นในสังคมมาโดยตลอด ทั้งในส่วนของภาครัฐ และภาคประชาชน เรียกได้ว่า “ดีแต่ซื้อ ดีแต่สร้าง ดีแต่ซ่อม แต่ไม่มีการดูแล” ซึ่งถือว่าเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และควรหาแนวทางแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี นายกเมืองพัทยา กล่าวว่าปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นสะสมมาเป็นเวลานานแล้ว โดยปัจจุบันได้ตั้งคณะทำงานเพื่อบูรณาการในการหาแนวทางแก้ไขและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบให้สูงขึ้น โดยมีแผนการปรับเปลี่ยนกล้องที่ชำรุดหรือมีอายุเกิน 5 ปีออกไป แผนการเชื่อมต่อสัญญาณด้วยระบบ Wirless หรือการรวบรวมการดูแลให้มาอยู่ในส่วนงานของสำนักยุทธศาสตร์ เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและสมประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะได้มีข้อสรุปและแผนที่ชัด เจนมาชี้แจงในเร็ววันนี้แน่นอน