อุบลราชธานี - ชาวบ้านใช้เส้นทางไปทำงานหรือส่งลูกหลานไปเรียนในตัวเมืองอุบลฯ วอนหน่วยงานเร่งตัดย้ายต้นยางนายักษ์อายุกว่า 100 ปี ซึ่งหักโค่นลงขวางผิวการจราจรมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ทุกวันนี้ยังถูกทิ้งไว้ริมทางจนเกิดอุบัติเหตุกับรถที่แล่นผ่านไปมาหลายครั้ง ด้านนายอำเภอเมืองคนใหม่ระบุ เพิ่งทราบเรื่องจะกำชับให้หน่วยงานรีบนำต้นไม้ที่ขวางออกในเร็วๆ นี้
วันนี้ (29 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุบลราชธานีเข้าตรวจสอบสภาพต้นยางนาขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี ซึ่งถูกพายุจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างได้รับอิทธิพลมีฝนตกและลมพัดแรงหักโค่นเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการเคลื่อนย้ายต้นไม้ดังกล่าวออกจากผิวจราจร ทำให้ชาวบ้านที่ใช้เส้นทางเดือดร้อนเพราะเกรงประสบอุบัติเหตุ
โดยลมฝนที่เกิดขึ้นครั้งนั้นพัดต้นยางนากว่า 80% ของลำต้นหักล้มลงฟาดกับเสาไฟฟ้าที่ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนบ้านค้อกุดลาด ถนนสมเด็จ ต.กุดลาด อ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่คนละฟากถนน ทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่นและต้นไม้ได้ล้มขวางถนนสมเด็จยานพาหนะแล่นผ่านไม่ได้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนำเลื่อยยนต์มาตัดแบ่งลำต้นยางนาออก ก่อนร่วมกับชาวบ้านเอารถไถมาดันต้นไม้เข้าไปไว้ข้างทาง
แต่เนื่องจากลำต้นของต้นยางนาบางท่อนมีขนาดใหญ่ ทำให้ลำต้นบางส่วนล้ำเข้ามาในพื้นที่การจราจรบนถนน แขวงการทางหลวงชนบท ต้องนำถังน้ำมัน 200 ลิตรและแท่งแบริเออร์มาวางกั้นให้สัญญาณเพื่อป้องกันยานพาหนะที่แล่นผ่านไปขับเฉี่ยวชน
จนเวลาล่วงเลยมานานกว่า 3 เดือนก็ยังไม่มีหน่วยงานใดมาทำการเคลื่อนย้ายดังกล่าวออกไป และชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้าไปตัดฟันทำลายเนื่องจากเป็นไม้หวงห้ามเกรงมีความผิด
แต่ต้นไม้ได้สร้างปัญหาให้ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ตามชานเมือง และต้องใช้เป็นเส้นทางเข้าสู่ตัวเมือง เพื่อไปทำงานหรือส่งลูกหลานไปโรงเรียนในช่วงเช้าและช่วงเย็น โดยทั้งสองช่วงเวลานี้เมื่อรถแล่นมาถึงตรงจุดที่มีต้นไม้ล้มรถต้องชะลอความเร็ว และบางครั้งต้องจอดหลีกให้กัน ทำให้ทุกวันนี้มีรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วน
รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อร้านขายอาหารที่ตั้งอยู่ข้างกับต้นไม้ที่ล้มขวางทาง เนื่องจากมีผู้เข้ามาซื้ออาหารน้อยลงเพราะไม่มีที่จอดรถ พร้อมทั้งในช่วงกลางคืนก็มีปัญหาทำให้รถเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับต้นไม้จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บไปแล้วหลายราย เนื่องจากตรงจุดนั้นไม่มีเสาไฟฟ้าส่องแสงสว่าง
หลังเกิดเหตุต้นไม้ล้มขวางทางผ่านไประยะหนึ่ง นายยรรยง ไชยชนะ ผู้ใหญ่บ้านได้ทำหนังสือแจ้งไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลกุดลาด และทางอำเภอเมืองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาดำเนินการตัดนำเอาต้นไม้ออก แต่จนถึงปัจจุบันยังหาเจ้าภาพมาดำเนินการให้ไม่ได้ ทำให้ต้นยางนาอายุกว่า 100 ปีนี้ยังล้มขวางทางอยู่ตามเดิม
ด้าน นายนิคม มณีเทพ อายุ 68 ปี ชาวบ้านกุดลาด ต.กุดลาด ซึ่งต้องใช้เป็นเส้นทางขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งและรับหลานที่เรียนหนังสือ กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงเวลาขับรถมาถึงจุดดังกล่าว เพราะถนนสมเด็จเป็นถนนที่ช่องการจราจรแคบอยู่แล้ว แต่มีรถใช้เป็นทางสัญจรหนาแน่น เมื่อรถแล่นมาถึงตรงนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้น เพราะบางครั้งมีรถแล่นสวนทางมาด้วยความเร็วก็เบียดเอารถของตน ทำให้กลัวหลานจะได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุ
จึงต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรีบมาตัดและเคลื่อนย้ายไม้ต้นนี้ออกไปให้พ้นทางสัญจร เนื่องจากเป็นถนนที่มีการจราจรคับคั่ง เพราะเป็นเส้นทางใช้เชื่อมต่อระหว่างอำเภอเมืองอุบลราชธานีไปอำเภอตาลสุม รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านจัดสรรชานเมืองก็ใช้เส้นทางนี้เดินทางเข้าไปทำงานและกลับบ้านทุกวันเช่นกัน
ที่เป็นห่วงที่สุดก็ช่วงกลางคืนที่ต้องขับรถผ่านตรงนี้ เพราะเป็นที่มืดมองไม่เห็น เกิดรถเฉี่ยวชนกันมาแล้วหลายครั้ง ปัจจุบันไม่จำเป็นตนจะไม่ขับรถมาตรงนี้ในเวลากลางคืนเลย
ขณะที่นางไสว จึงชัยศรี อายุ 55 ปี แม่ค้าขายลาบต้มส้มตำ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นไม้ล้มและมีการนำมาวางไว้ขอบทางข้างร้านตนก็ทำให้การค้าขายลดลง เนื่องจากรถที่แล่นผ่านไปมาจะไม่หยุดรถซื้ออาหารเพราะบางคนมองไม่เห็น หรือบางรายก็ไม่มีที่ให้จอดรถ ทำให้ตนขาดรายได้จากวันละ 2,000-3,000 บาท ปัจจุบันขายได้เพียงวันละไม่ถึง 1,000 บาท จึงอยากขอร้องให้รีบมาเคลื่อนย้ายไม้ต้นนี้ออกไปด้วยเพราะเดือดร้อนมาก
ด้านนายคำรบ เครือณรงค์ นายอำเภอเมืองอุบลราชธานี กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องจากผู้สื่อข่าวว่ามีต้นไม้ล้มขวางผิวการจราจร เนื่องจากเพิ่งเดินทางมารับตำแหน่งใหม่ แต่หากมีสิ่งกีดขวางการจราจรและอาจเป็นอันตรายต่อประชาชนที่ใช้เส้นทาง ตนจะแจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลกุดลาดรีบดำเนินการเอาต้นไม้ออกให้พ้นทาง
โดยจะประสานแจ้งไปยังสำนักงานป่าไม้ให้รีบส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการตัดขนย้ายไม้ออกไปให้เร็วที่สุด เพราะเป็นไม้หวงห้ามที่อยู่ในอำนาจของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ซึ่งจะรีบดำเนินการให้ทันที