อ่างทอง - สุดแปลกเพลิงไหม้บ้านแม่ค้ารับซื้อของเก่ามอดหมดหลัง แต่บ้านลูกสาวที่อยู่ห่างกันไม่ถึง 10 เมตร รอดหวุดหวิด เจ้าของบ้านเผยเป็นเพราะพระบารมีในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านผู้ว่าฯ พร้อมนายกเหล่ากาชาด และคณะเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบเงิน และสิ่งของให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
วันนี้ (27 พ.ย.) จากเหตุการณ์เพลิงไหม้บ้าน นางสวง วิเศษสุข อายุ 64 ปี อาชีพแม่ค้ารับซื้อของเก่า อยู่บ้านเลขที่ 6/9 หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ได้รับความเสียหายหมดทั้งหลัง โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 26 พ.ย.60 ที่ผ่านมา นายวีร์รวุทธ์ ปุตระเศรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง พร้อมด้วย นางทักษณิภร ปุตระเศรณี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอ่างทอง นายปริญญา เขมะชิต นายอำเภอวิเศษชัยชาญ หัวหน้าส่วนราชการ และคณะเหล่ากาชาดจังหวัดอ่างทอง ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ และมอบสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้แก่ครอบครัวของ นางสวง ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากเพลิงไหม้
พร้อมกันนี้ ทางเหล่ากาชาดจังหวัดอ่างทอง ได้มอบเงิน จำนวน 10,000 บาท เพื่อเป็นเงินทุนในการใช้ดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ยังมีประชาชนที่ได้รับทราบข่าวจากสื่อสารมวลชนได้ร่วมมอบเงินเพื่อเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิต
หลังจากได้ทำพิธีมอบเรียบร้อยแล้ว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอ่างทอง และคณะได้ร่วมพูดคุยให้กำลังใจต่อผู้ได้รับความเสียหาย และได้สังเกตเห็นบริเวณหน้าบ้านของลูกสาว นางสวง ซึ่งปลูกอยู่ในเขตรั้วบ้านเดียวกัน มีระยะห่างกันไม่ถึง 10 เมตร โดยมีหลังคาโรงเก็บของกั้นระหว่างกลาง แต่บ้านหลังดังกล่าวไม่ได้รับความเสียหายจากการถูกเพลิงไหม้ในครั้งนี้ มีเพียงต้นไม้ที่ปลูกไว้หน้าบ้าน รวมทั้งทรัพย์สินบางส่วนที่เป็นพลาสติกไม่สามารถทนต่อความร้อนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ และละลายจนเกือบหมด
จากการสอบถาม นางกฤตพร วิเศษสุข อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/10 หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เจ้าของบ้านเปิดเผยว่า ตนเองได้ปลูกบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้กันกับบ้านของ นางสวง ผู้เป็นแม่ โดยก่อนเกิดเหตุ นางสวง ได้มานั่งคุยกับตนเองที่บ้านก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านจนเสียหายหมดทั้งหลัง แต่บ้านของตนเองรอดหวุดหวิด ไม่มีแม้กระทั่งรอยไหม้ที่เกิดจากความร้อน ซึ่งบ้านตนเองได้ติดพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมราชบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้ที่บริเวณหน้าบ้าน และในบ้าน จำนวนกว่า 20 รูป ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงเสด็จสู่สวรรคาลัยไปแล้วก็ตาม
แต่ที่แปลกที่สุดคือ บ้านของตนเองไม่ได้ถูกเพลิงลุกไหม้ตามไปด้วย แถมพระบรมฉายาลักษณ์ที่ติดเอาไว้ที่บ้านเพลิงก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ความร้อนจากเปลวเพลิงทำความเสียหายเพียงแต่ต้นไม้ และวัสดุที่เป็นพลาสติกไม่สามารถทนความร้อนได้ จึงละลายได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกเป็นอย่างมาก ตนเองคาดว่าอาจจะเป็นเพราะพระบารมีของพระองค์ท่านที่ทำให้บ้านของตนเองไม่ถูกเพลิงเผาผลาญจนได้รับเสียหายไปอีกหลังหนึ่ง ซึ่งถ้าบ้านของตนเองถูกเพลิงไหม้ไปอีกหลังหนึ่ง ครอบครัวทั้งหมด 10 กว่าชีวิต ก็จะไม่รู้จะไปอาศัยที่ไหนต่อไป
วันนี้ (27 พ.ย.) จากเหตุการณ์เพลิงไหม้บ้าน นางสวง วิเศษสุข อายุ 64 ปี อาชีพแม่ค้ารับซื้อของเก่า อยู่บ้านเลขที่ 6/9 หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ได้รับความเสียหายหมดทั้งหลัง โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 26 พ.ย.60 ที่ผ่านมา นายวีร์รวุทธ์ ปุตระเศรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง พร้อมด้วย นางทักษณิภร ปุตระเศรณี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอ่างทอง นายปริญญา เขมะชิต นายอำเภอวิเศษชัยชาญ หัวหน้าส่วนราชการ และคณะเหล่ากาชาดจังหวัดอ่างทอง ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ และมอบสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้แก่ครอบครัวของ นางสวง ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากเพลิงไหม้
พร้อมกันนี้ ทางเหล่ากาชาดจังหวัดอ่างทอง ได้มอบเงิน จำนวน 10,000 บาท เพื่อเป็นเงินทุนในการใช้ดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ยังมีประชาชนที่ได้รับทราบข่าวจากสื่อสารมวลชนได้ร่วมมอบเงินเพื่อเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิต
หลังจากได้ทำพิธีมอบเรียบร้อยแล้ว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอ่างทอง และคณะได้ร่วมพูดคุยให้กำลังใจต่อผู้ได้รับความเสียหาย และได้สังเกตเห็นบริเวณหน้าบ้านของลูกสาว นางสวง ซึ่งปลูกอยู่ในเขตรั้วบ้านเดียวกัน มีระยะห่างกันไม่ถึง 10 เมตร โดยมีหลังคาโรงเก็บของกั้นระหว่างกลาง แต่บ้านหลังดังกล่าวไม่ได้รับความเสียหายจากการถูกเพลิงไหม้ในครั้งนี้ มีเพียงต้นไม้ที่ปลูกไว้หน้าบ้าน รวมทั้งทรัพย์สินบางส่วนที่เป็นพลาสติกไม่สามารถทนต่อความร้อนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ และละลายจนเกือบหมด
จากการสอบถาม นางกฤตพร วิเศษสุข อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/10 หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เจ้าของบ้านเปิดเผยว่า ตนเองได้ปลูกบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้กันกับบ้านของ นางสวง ผู้เป็นแม่ โดยก่อนเกิดเหตุ นางสวง ได้มานั่งคุยกับตนเองที่บ้านก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านจนเสียหายหมดทั้งหลัง แต่บ้านของตนเองรอดหวุดหวิด ไม่มีแม้กระทั่งรอยไหม้ที่เกิดจากความร้อน ซึ่งบ้านตนเองได้ติดพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมราชบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้ที่บริเวณหน้าบ้าน และในบ้าน จำนวนกว่า 20 รูป ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงเสด็จสู่สวรรคาลัยไปแล้วก็ตาม
แต่ที่แปลกที่สุดคือ บ้านของตนเองไม่ได้ถูกเพลิงลุกไหม้ตามไปด้วย แถมพระบรมฉายาลักษณ์ที่ติดเอาไว้ที่บ้านเพลิงก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ความร้อนจากเปลวเพลิงทำความเสียหายเพียงแต่ต้นไม้ และวัสดุที่เป็นพลาสติกไม่สามารถทนความร้อนได้ จึงละลายได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกเป็นอย่างมาก ตนเองคาดว่าอาจจะเป็นเพราะพระบารมีของพระองค์ท่านที่ทำให้บ้านของตนเองไม่ถูกเพลิงเผาผลาญจนได้รับเสียหายไปอีกหลังหนึ่ง ซึ่งถ้าบ้านของตนเองถูกเพลิงไหม้ไปอีกหลังหนึ่ง ครอบครัวทั้งหมด 10 กว่าชีวิต ก็จะไม่รู้จะไปอาศัยที่ไหนต่อไป