ศูนย์ข่าวศรีราชา - เพื่อน “น้องเมย” อดีตนักเรียนเตรียมทหาร ส่ง จม.ฉบับสุดท้ายที่น้องเมย เขียนให้กำลังใจขณะที่ตนเองจำเป็นต้องลาออกจากโรงเรียนเตรียมทหาร และต้องละทิ้งความฝันที่จะได้เป็นผู้หมวดด้วยกัน ให้ครอบครัวตัญกาญจน์ เพื่อยืนยันกระแสดรามาที่รุ่นพี่เตรียมทหารส่งข้อความขอความเห็นใจเพจดัง. อ้าง “น้องเมย” ดับ เพราะถูกครอบครัวบังคับให้เรียน และไม่ยอมให้ลาออกจากโรงเรียนเตรียมทหารไม่เป็นความจริง
วันนี้ (25 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง ซึ่ง “น้องเมย” หรือ นายภคพงษ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เขียนให้กำลังใจเพื่อนชื่อ “พี” นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีเดียวกันที่ขอลาออกจากโรงเรียนเตรียมทหารไปก่อนหน้า เนื่องจากสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย และ “น้องพี” ได้ส่งจดหมายฉบับดังกล่าวกลับมาให้ครอบครัวตัญกาญจน์ เพื่อค้านกระแสดรามาที่กำลังเกิดขึ้นในโลกสังคมออนไลน์ หลังรุ่นพี่โรงเรียนเตรียมทหารได้ส่งข้อความร้องขอความเห็นใจจากเพจดัง ระบุต้นเหตุที่ทำให้ “น้องเมย” เสียชีวิตว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่พ่อแม่ไม่ยอมให้ลาออกจากโรงเรียนเตรียมทหาร
เนื้อความในจดหมายเป็นการให้กำลังใจเพื่อนที่จำเป็นต้องลาออกจากโรงเรียน และต้องละทิ้งความฝันในอนาคตที่จะได้เป็นผู้หมวดด้วยกัน ซึ่งเนื้อความตอนหนึ่งระบุว่า
“เราเข้ามาอยู่ตอนเดียวกัน ครั้งแรกเราก็ไม่รู้จักนาย แต่เรามารู้จักนายอีกครั้งตอนนายไปกองแพทย์ สักพักนึงนายได้ลงมา เราเห็นนายโดนซ่อม เราสงสารนายมาก เราเห็นนายสลบ เราก็เป็นห่วงนาย นายเป็นคนที่สู้แต่สภาพร่างกายไม่พร้อม ตอนที่เราเจอนายเราได้พูดคุยกับนาย นายอยากลาออก เราไม่อยากให้นายออกหรอกนะ เราก็พยายามรั้งไว้ แต่มีเรื่องนึงที่เราไม่กล้ารั้งไว้คือ เรื่องพ่อแม่ เราเลยไม่กล้ารั้งนายไว้
สุดท้ายแล้ว นายคือเพื่อนเราคนนึง นายเป็นคนใจสู้ดี ถ้านายจะไปแล้วก็ขอให้ประสบความสำเร็จนะ ระเบียบที่นี่นะนำไปใช้ข้างนอกได้ อยู่ข้างนอกก็เป็นคนดี แล้วอย่าลืมเรื่องพระคุณของพ่อแม่ นะ”
ทั้งนี้ การที่เพื่อน น้องเมย ได้ส่งจดหมายฉบับดังกล่าวที่ “น้องเมย” เคยเขียนให้กำลังใจมายังครอบครัวตัญกาญจน์ ก็เพื่อต้องการยืนยันต่อสังคมว่า น้องเมย มีความมุ่งมั่นที่จะเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร และไม่เคยถูกบังคับจากครอบครัว
โดยผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากครอบครัว ว่า หลังได้รับจดหมายฉบับนี้ นางสุกัญญา ตันกาญจน์ แม่ของน้องเมย ถึงกำลังร่ำไห้อยากหนักอีกครั้ง ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงของการพักฟื้นร่างกาย ขณะเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล