ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจ สภ.แม่โจ้รวบผู้ต้องหาคดีรุมทำร้ายนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ตาย 1 เจ็บ 6 ที่เหลืออีก 3 คนได้แล้ว หลังออกหมายจับฐานความผิดร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ขณะที่หลักฐานภาพกล้องวงจรปิดในผับเกิดเหตุที่ถูกลบไปเจ้าหน้าที่ไม่สามารถกู้ข้อมูลคืนได้ แต่มั่นใจพยานหลักฐานที่มีแน่นหนา
ความคืบหน้าคดีที่กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ถูกกลุ่มพนักงานของสถานบันเทิงชื่อ “โอเชี่ยน” ที่อยู่ตรงข้ามกับสถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ รุมทำร้ายและใช้อาวุธปืนข่มขู่ ซึ่งทำให้นักศึกษาเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 6 คน เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 17 พ.ย. 60 ช่วงเที่ยงคืน โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 4 คน และเตรียมจับกุมเพิ่มอีก 3 คน
ช่วงเย็นวันนี้ (22 พ.ย. 60) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ควบคุมตัวนายกิตติคุณ วงศ์อุบ ชาวอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่, นายธนะพัฒน์ พุฒินันทน์วรกุล ชาวอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และนายวุฒิชัย ใจยะพาน ชาวอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ต้องหาคดีรุมทำร้ายนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่เหลืออีก 3 คน ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ หลังออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวได้ส่งดำเนินคดีฐานความผิดร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย
สำหรับกรณีที่ 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้แอบอ้างตัวเป็นนายรัฐพงษ์ จันทร์พินิจ อายุ 27 ปี นั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้วทราบว่าที่แท้คือ นายธีระพงศ์ ปองรักษ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/1 หมู่ 1 ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดที่เป็นหลักฐานสำคัญในคดีนี้นั้น รายงานแจ้งว่าจากการให้ปากคำของผู้ต้องหาระบุว่ากล้องวงจรปิดของร้าน 3 จุด สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะก่อเหตุรุมทำร้ายไว้ได้อย่างละเอียด แต่เจ้าของร้านสั่งลบภาพออกไปจากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้สำเร็จ 2 จุด เหลือเพียงจุดเดียวที่เห็นเหตุการณ์ช่วงชุลมุน
โดยภาพจากกล้องวงจรปิด 2 จุดที่ถูกลบไปแล้วนั้นจะเห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดมากกว่า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามจะทำการกู้ข้อมูลที่ถูกลบคืน แต่เบื้องต้นไม่สามารถกู้ข้อมูลคืนมาได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันไม่ได้เป็นปัญหาอุปสรรคของคดีนี้แต่อย่างใด โดยเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ แทน ซึ่งเชื่อมั่นว่ามีความแน่นหนามากพอในการดำเนินคดีนี้อย่างแน่นอน