พระนครศรีอยุธยา - รองอธิบดีกรมชลประทาน ระบุ จะสามารถระบายน้ำออกจากทุ่งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ เพื่อให้เกษตรกรปลูกข้าวรอบใหม่
วันนี้ (22 พ.ย.) นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่ประตูระบายน้ำกุฎี อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดตามการระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมพบปะพูดคุยทำความเข้าใจต่อเกษตรกรถึงแนวทางการระบายน้ำ และเก็บน้ำสำรองไว้ในทุ่งเพื่อทำการเกษตร โดยพบว่า ชลประทานพระนครศรีอยุธยา รายงานว่าจะระบายน้ำในทุ่งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ธันวาคมนี้
ขณะนี้ปริมาณน้ำในทุ่งเจ้าเจ็ด มี 439 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำจากทุ่งผักไห่ได้ 11 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการสูบระบายออกแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย พร้อมเปิดบานระบายน้ำออกแม่น้ำน้อย รวมถึงออกแม่น้ำเจ้าพระยา และเปิดระบายลงคลองพระยาบันลือ รวมจะระบายออกจากทุ่งเจ้าเจ็ด 23.68 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ปริมาณน้ำในทุ่งลดลง 12 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าวันที่ 15 ธันวาคม ระดับน้ำในทุ่งจะเข้าสู่สภาวะปกติ
นายทองเปลว กองจันทร์ กล่าวว่า ที่ทุ่งผักไผ่ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับปริมาณที่เหลือดูจากการระบาย 2 ทุ่ง ใน 1 วันระบายได้ 12.5 ล้านลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม คาดว่าช่วงนี้จะระบายน้ำออกได้ทันภายในวันที่ 15 ธันวาคม แต่ช่วงไหนระบายน้ำได้ช้า ชลประทานก็จะติดตั้งเครื่องสูบน้ำเสริมอย่างที่ท่านเห็น อย่างไรก็ตาม ต้องให้จบภายในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ หลังจากนั้นทำได้แล้วทั้ง 13 ทุ่ง ทุ่งไหนที่ระบายน้ำออกสำเร็จแล้วจนจบภารกิจ เมื่อเช้าไปดูของฝั่งซ้ายของชัยนาท- ป่าสัก ก็เริ่มเตรียมแปลงทำนากันแล้ว
นายทองเปลว กองจันทร์ กล่าวอีกว่า พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถือว่ามีจุดอ่อน เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ จะเห็นได้จากทางน้ำเข้ามีน้อย ทางน้ำออกก็ระบายได้ช้า หากมีน้ำทะเลหนุนยิ่งกลายเป็นปัญหาของการระบายน้ำอย่างมาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องถอดบทเรียนของปีนี้ไปปรับใช้ในปีหน้า โดยหาทางน้ำออกให้รวดเร็วที่สุด
