xs
xsm
sm
md
lg

นักดำน้ำไทย-เทศตื่นตาฉลามวาฬโผล่โชว์ตัวจุดดำน้ำเรือช้าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ตราด - นักดำน้ำไทยเทศตื่นตาฉลามวาฬ โผล่โชว์ตัวจุดดำน้ำเรือช้าง หลังครบรอบ 5 ปี จมเรือรบใหญ่ที่สุดในประเทศทำเป็นแหล่งดำน้ำ

ภายหลังที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยังยืน หรือ อพท.1 ที่ได้สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 5,500,000 บาท ในการนำเรือรบหลวงช้าง เรือรบสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ทางกองทัพเรือได้ปลดประจำการ และมอบให้แก่จังหวัดตราด เพื่อให้เป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ของจังหวัด และเป็นจุดดำน้ำที่เป็นเรือรบที่ใหญ่สุดในประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อ เป็นเรือช้าง

นายสุธารักษ์ สุนทรวิภาต ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง กล่าวว่า หลังจากที่นำเรือช้างมาจมที่ท้องทะเลตราด เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่ชอบการดำน้ำเริ่มเดินทางมาที่จุดเรือช้าง มาสัมผัสการดำน้ำแห่งใหม่ของจังหวัดตราด นอกเหนือจากเกาะรัง ซึ่งสถิติในช่วงไฮซีซันตั้งแต่เดือนตุลาคม จนถึงเดือนเมษายนของทุกปี จะมีนักดำน้ำเดินทางมาดำน้ำดูเรือช้างเพิ่มปีละ 20% โดยจากการเก็บสถิติครั้งล่าสุดเดือนตุลาคม 2559-ตุลาคม 2560 ปรากฏว่า มีนักดำน้ำเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 50 คน สูงสุดอาจจะถึง 100 คนต่อวัน เบื้องต้น ประมาณการรายได้ไม่ต่ำกว่า 36 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมธุรกิจต่อเนื่อง ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการจมเรือช้างเมื่อ 5 ปีก่อน นอกจากธุรกิจดำน้ำแล้ว ยังส่งผลดีต่อสัตว์น้ำประเภทต่างๆ เช่น เต่าทะเล และฉลามวาฬ เป็นต้น

คุณคริสเทล โกลสเทน เจ้าของธุรกิจดำน้ำ บีบีไดเวอร์ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการดำเนินการหลวงช้าง ส่งผลดีต่อธุรกิจดำน้ำเป็นอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศสนใจเดินทางมาดำน้ำบริเวณเรือช้างอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเข้าปีที่ 3 ของการจมเรือ เริ่มมีสัตว์น้ำหลายชนิดว่ายเวียนบริเวณเรือช้างเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงเต่าทะเล และฉลามวาฬ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ก็ปรากฏตัวให้นักดำน้ำให้เห็นตัวกันต่อเนื่อง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่นักดำน้ำเป็นอย่างมาก และต้องขอบคุณ อพท.และจังหวัดตราด ที่นำเรือช้างมาจม เพื่อทำเป็นแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งดำน้ำที่มีความสำคัญของจังหวัดตราดอีกแห่งหนึ่ง และเป็นจุดดำน้ำเรือรบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ถึงแม้ว่าสภาพใต้ท้องทะเล หรือพันธุ์สัตว์น้ำที่พบเห็นนั้นจะน้อยกว่า และไม่สวยเท่ากับภาคใต้ก็ตาม



กำลังโหลดความคิดเห็น